Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
BYD หั่นราคา สัญญาณนองเลือด! รายเล็กจ่อเจ๊งรัว ทนศึกแข่งเดือดไม่ไหว
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

BYD หั่นราคา สัญญาณนองเลือด! รายเล็กจ่อเจ๊งรัว ทนศึกแข่งเดือดไม่ไหว

29 พ.ค. 68
18:56 น.
แชร์

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังยกระดับความดุเดือด โดยล่าสุด BYD ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของประเทศ ได้ประกาศลดราคาครั้งใหญ่ในหลายรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ราคาประหยัด ทั้งแบบพลังงานไฟฟ้า 100% และระบบไฮบริด โดยบางรุ่นลดสูงสุดเกือบ 30% เช่น Seagull รุ่นคอมแพกต์ที่ลดราคาลงเหลือเพียง 55,800 หยวน (ราว 7,765 ดอลลาร์สหรัฐ) จากเดิมเกือบ 10,000 ดอลลาร์

การปรับราคาดังกล่าวส่งผลให้ผู้ผลิตรายอื่นในตลาดเริ่มปรับกลยุทธ์ตาม และจุดกระแสความวิตกว่าตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาจเข้าสู่ช่วงปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้เล่นรายย่อย

ตู้ เหล่อ (Tu Le) กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา Sino Auto Insights ระบุว่า การแข่งขันราคารอบนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นการถอนตัวหรือล้มละลายของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากในจีน โดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีฐานทุนและเครือข่ายอ่อนแอกว่า เช่น Neta และ Polestar

ด้าน เว่ย เจี้ยนจวิน (Wei Jianjun) ประธาน Great Wall Motors แสดงความกังวลว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จีนกำลังเข้าสู่ภาวะที่ไม่ยั่งยืน โดยการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงกำลังกดทับอัตรากำไรของทั้งผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ พร้อมเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับกรณี Evergrande ที่เผชิญปัญหาหนี้สินจนล้มละลายในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาคส่วนของเศรษฐกิจจีนที่ยังมีสัญญาณขยายตัว ภายใต้บริบทของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแรง รัฐบาลจีนจึงยังคงเดินหน้าสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ผ่านมาตรการจูงใจ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือนและรักษาเสถียรภาพภาคการผลิตในประเทศ

สงครามราคา: สัญญาณเงินฝืด บริโภคซบเซา เสี่ยงคลื่นล้มละลาย

โรบิน ซิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Morgan Stanley วิเคราะห์ว่า การแข่งขันด้านราคาครั้งล่าสุดในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) สะท้อนถึงภาวะไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งยังคงเป็นแรงผลักสำคัญที่กดดันให้ระบบเศรษฐกิจเผชิญภาวะเงินฝืด แม้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายกระตุ้นการบริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่โครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังเน้นการผลิตและการลงทุนภาคอุตสาหกรรมเป็นหลักยังคงจำกัดความสามารถในการฟื้นตัวของการบริโภคและอัตราเงินเฟ้อ

อิง หวัง กรรมการผู้จัดการของ Fitch Ratings ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า การเติบโตของยอดขาย NEV ส่วนใหญ่ในช่วงหลังไม่ได้เกิดจากการขยายฐานผู้บริโภค แต่เป็นผลของการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเดิม ทำให้การเติบโตโดยรวมของตลาดยังไม่แข็งแกร่งนัก ทั้งนี้ Fitch คาดว่ายอดขายรถยนต์ของจีนในปี 2025 จะขยายตัวเพียงระดับตัวเลขหลักเดียว

ภายใต้แรงกดดันนี้ ผู้ผลิตหลายรายยังคงใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ เช่น มอบฟีเจอร์ฟรีแทนการคิดค่าบริการเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น Zeekr ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม Geely ได้ประกาศมอบระบบช่วยขับขี่ขั้นสูงให้ลูกค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะที่ Tesla ยังคงเรียกเก็บค่าบริการสำหรับฟีเจอร์ดังกล่าว และ BYD เองก็มีแผนติดตั้งระบบช่วยขับขี่ในรถยนต์มากกว่า 20 รุ่นในอนาคตอันใกล้

สงครามราคาในตลาดรถยนต์ของจีนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สองปีก่อนโดยมี Tesla เป็นผู้จุดประกายผ่านการลดราคาครั้งใหญ่ แต่สงครามการค้าระลอกล่าสุดกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อผู้ผลิตรายใหญ่และรัฐวิสาหกิจของจีนเองก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากยอดขายรถ NEV ที่ในปัจจุบันคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์โดยสารใหม่ในประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานวางแผนแห่งชาติของจีนได้ออกมาเตือนว่า การแข่งขันในบางอุตสาหกรรมเริ่มล้ำเส้นความพอดี โดยพบว่าบางบริษัทถึงขั้นขายรถยนต์ในราคาต่ำกว่าทุน ซึ่งไม่เพียงบิดเบือนกลไกตลาด แต่ยังสร้างความเสี่ยงเชิงโครงสร้างต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

จำนวนผู้ผลิตที่ล้นตลาดยังซ้ำเติมสถานการณ์อีกขั้น โดยข้อมูลจาก Jato Dynamics ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ในจีนมากถึง 169 ราย โดยกว่า 50% มีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 0.1% สถานการณ์นี้ชวนให้นึกถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการควบรวมครั้งใหญ่

เว่ย เจี้ยนจวิน ประธาน Great Wall Motors ระบุว่า ซัพพลายเออร์หลายรายกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตจากแรงกดดันให้ลดราคาสินค้าอย่างหนัก โดยยกตัวอย่างว่าชิ้นส่วนบางรายการถูกลดราคาจาก 220,000 หยวน เหลือเพียง 120,000 หยวนภายในไม่กี่ปี ซึ่งสร้างความกังวลต่อมาตรฐานคุณภาพที่อาจลดลงตามไปด้วย

เว่ยยังเตือนเพิ่มเติมว่า โครงสร้างของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนในปัจจุบันเริ่มมีลักษณะคล้ายกับกรณีของ Evergrande ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเปรียบเปรยว่า “ลูกโป่งกำลังพองตัวขึ้น แต่ยังไม่ระเบิด” ซึ่งเป็นคำเตือนต่อความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่รุนแรงหากไม่ถูกควบคุม

Evergrande ซึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021 หลังประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวและยอดขายที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงอย่างหนัก เหตุการณ์นี้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของความเปราะบางเชิงโครงสร้าง ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากเริ่มกังวลว่าอาจกำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์จีนเช่นกัน

ราคารถยนต์จีนดิ่งเฉลี่ย 19% ในสองปี สะท้อนแรงกดดันด้านราคา

ข้อมูลจากโนมูระชี้ว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ราคาขายปลีกเฉลี่ยของรถยนต์ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยลดลงถึง 19% โดยแบ่งตามประเภทรถ พบว่ารถยนต์ไฮบริดมีอัตราการลดราคามากที่สุดที่ 27% ตามด้วยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ลดลง 21% และรถยนต์ใช้น้ำมันที่ลดลง 18% ส่งผลให้ราคาขายปลีกเฉลี่ยของรถยนต์ในจีนขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 165,000 หยวน หรือราว 22,900 ดอลลาร์สหรัฐ

หากเปรียบเทียบกับตลาดสหรัฐ ราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์ใหม่ในเดือนเมษายนอยู่ที่ 48,699 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันเมื่อสองปีก่อน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐยังคงมีราคาสูงเฉลี่ยที่ 59,255 ดอลลาร์

กรณีของ BYD แม้จะยังคงเว้นไม่ปรับลดราคารถยนต์กลุ่มพรีเมียมอย่างรุ่น Han ซึ่งมีราคาจำหน่ายราว 200,000 หยวน รายงานจาก Reuters ระบุว่า รุ่นใหม่ของ Han ที่เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์มีราคาต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าราว 10% สะท้อนถึงแรงกดดันด้านราคาที่เริ่มลุกลามเข้าสู่รถกลุ่มบน

นอกจากนี้ แม้ BYD จะยังคงสามารถรักษาการเติบโตของผลกำไรได้ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 49% แตะระดับ 1.4 หมื่นล้านหยวน หนี้สินหมุนเวียนของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นกว่า 60% และเงินสดในมือก็ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.02 แสนล้านหยวน สะท้อนถึงต้นทุนการขยายธุรกิจที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะการแข่งขันในตลาด NEV ของจีน

แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนว่าผู้ผลิตรถยนต์จีนยังคงต้องเผชิญแรงกดดันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ในการรักษาความสามารถในการแข่งขันจึงต้องอาศัยทั้งการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการควบคุมต้นทุนอย่างรอบคอบเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้าจีนสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมทั่วโลก

การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเริ่มส่งผลกระทบในระดับโลก ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การค้า และนโยบายภาครัฐ โดยล่าสุดรัฐบาลจีนได้ออกมาพูดถึงความจำเป็นในการจัดการกับ “การแข่งขันที่ไร้ประสิทธิภาพ” (involution) อย่างชัดเจนในการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลต่อการแข่งขันที่เน้นลดราคาโดยไม่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาว

ในทางกลับกัน การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้นทุนต่ำในปริมาณมหาศาลของจีน และความพยายามของผู้ผลิตจีนในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ กลับกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้หลายประเทศเริ่มออกมาตรการป้องกันทางการค้าอย่างเป็นรูปธรรม

สหภาพยุโรปได้ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน หลังตรวจสอบพบว่าผู้ผลิตจีนหลายรายได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐในลักษณะที่อาจบิดเบือนการแข่งขัน ในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้ยกระดับมาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็นอัตราสูงถึง 100% ซึ่งถือเป็นความพยายามในการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ และสกัดกั้นการรุกคืบของรถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ทั้งนี้ แม้จะเผชิญกับมาตรการภาษีและแรงต้านจากภายนอก BYD ยังคงสามารถขยายตลาดในยุโรปได้อย่างแข็งแกร่ง ล่าสุด ข้อมูลจาก JATO Dynamics ระบุว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา BYD มียอดขายรถยนต์ในยุโรปแซงหน้า Tesla เป็นครั้งแรก ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ชี้ว่า Tesla มียอดขายลดลงมากถึง 49% ภายในเดือนเดียว

ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตจีนในตลาดต่างประเทศ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากนโยบายกีดกันทางการค้า และเป็นสัญญาณเตือนถึงแรงกระเพื่อมที่กำลังขยายจากการแข่งขันในประเทศจีนไปสู่ระดับโลกอย่างชัดเจน


แชร์
BYD หั่นราคา สัญญาณนองเลือด! รายเล็กจ่อเจ๊งรัว ทนศึกแข่งเดือดไม่ไหว