นาทีนี้บริการเดลิเวอรี่กลายเป็นปัจจัยสำคัญของคนในสังคมไปแล้ว แต่ไม่ได้มีแค่ผู้ซื้อเท่านั้นที่เป็นตัวละครหลักในโลกที่เปลี่ยนไป ไรเดอร์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำให้เรื่องราวนี้สมบูรณ์
ซึ่งอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนของพวกเขาคืออาชีพนี้เป็นทางเลือกและทางออกของชีวิต เป็นเส้นทางใหม่ในโลกใบใหม่ และจะมีกี่คนที่ก้าวขึ้นมาถึงระดับที่เรียกว่า “เทพแห่งเดลิเวอรี”
“พี่ฮาท” พงษ์ศักดิ์ คันธโชติ ไรเดอร์ แกร็บฟูด หนุ่มใหญ่วัย 50 จากโคราช เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ฉายานี้ หรือแม้แต่ไม่เคยคาดคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องมาทำอาชีพ “ไรเดอร์”
การตกงานในตอนอายุเกือบ 50 ไม่เปิดทางเลือกให้ชีวิตมากนัก แม้ยังต้องกินต้องใช้ “พี่ฮาท” มีทางเลือกเพียงสองทาง “สู้” หรือ “ยอมแพ้”
“พี่ฮาท” คือหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องฟันฝ่า ก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานหลายๆ อย่างตอนนั้นมีรายได้เดือนละ 45,000 บาท พอที่จะพาครอบครัวเดินหน้าไปอย่างไม่ลำบาก
ชีวิตกำลังไปได้สวย เมื่อลูกสาวสอบติดคณะแพทยศาสตร์
แต่แล้วเมื่อปี 2563 “โควิด-19” ก็เข้ามา รายได้ที่ “พี่ฮาท” เคยมีก็หยุดชะงัก และชะงักในวันที่เขาต้องการใช้เงินมากที่สุด เพื่อส่งเสียลูกสาวให้ไปถึงฝั่งฝัน เขาไม่มีเวลากระทั่ง “ท้อ”
“ตอนนั้นผมเครียดมากเลยครับ รายได้หายไปหมด ไม่มีเงินเข้ามาเลย ในขณะที่รายจ่ายยังรออยู่เต็มไปหมด ตอนนั้นคิดแค่ว่า จะทำอะไรก็ได้ให้มีรายได้เข้ามาก่อน”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจเริ่มอาชีพไรเดอร์ กับแกร็บ ตามคำแนะนำจากคนใกล้ตัว “ผมเริ่มขับแกร็บครั้งแรกในวันครอบครัว (14 เมษายน) ยังจำออเดอร์แรกได้ไม่เคยลืม ต้มเลือดหมูเจ๊บ๊วย แถวสี่แยกคลองเตย ซึ่งจากตอนแรกคิดแค่ว่าจะลองขับเล่นๆ แต่สุดท้ายการขับแกร็บกลับกลายเป็นอาชีพหลักในการหารายได้ที่สามารถช่วยให้เราหาเลี้ยงครอบครัวได้จริง” พี่ฮาทกล่าว
พอได้ เริ่มอาชีพไรเดอร์ก็มีรายได้ก็เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ พอให้เขาตั้งหลักได้ในวันที่ซวนเซ แต่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องค่าเล่าเรียนของลูก เพราะเป็นเงินก้อนโต ครั้นจะหากู้เงินก็ไม่มีสเตตเมนท์ แต่เขาก็ได้รู้จัก “Grab การเงิน” ที่ให้ไรเดอร์อย่างเขามีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากมีข้อมูลการให้บริการอยู่แล้วในระบบ และทำให้สามารถกู้เงินค่าเล่าเรียนลูกได้ และกลายเป็นทุนสำรองยามฉุกเฉิน เมื่อกำลังใจดี “พี่ฮาท” ก็มีแรงที่จะทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวงเรื่องอื่น เขารับงานอย่างสม่ำเสมอ วิ่งเต็มที่ในทุกงานทุกวัน ตั้งใจให้บริการให้ดีที่สุด จนสามารถกลายเป็น “เทพแกร็บไบค์” (คนขับแกร็บที่ทำรอบขับในระดับสูงสุด) ซึ่งทำให้เขาได้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ลูกผมเรียนจบหมอแล้วครับ สำหรับคนเป็นพ่อ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว” พี่ฮาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หันมาที่ “พี่อ้อ” หญิงวัย 45 ปี คุณแม่ลูกหนึ่ง ลุกขึ้นมาสู้เพื่อครอบครัวในวันที่ชีวิตเริ่มติดขัด ภาระค่าใช้จ่ายในบ้านสูงขึ้น งานประจำไม่มั่นคง และหนี้นอกระบบเริ่มก่อตัว
สิ่งเดียวที่เธอเชื่อในตอนนั้น คือต้องลุกขึ้นมา “เปลี่ยนชีวิตด้วยตัวเอง” ก่อนหน้านี้ พี่อ้อเคยทำงานเป็นพนักงานบัญชีในร้านทองมานานกว่า 10 ปี แต่เมื่อกิจการเริ่มขาดทุน ร้านจำเป็นต้องปลดพนักงานเกือบทั้งหมด
เธอจึงผันตัวมารับงานบัญชีแบบฟรีแลนซ์ แม้จะพอเลี้ยงตัวเองได้ แต่ยังไม่พอสำหรับบ้านที่มีทั้งคุณแม่ พี่ชาย และลูกชายคนเดียวของเธอ เธอจึงหันไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่าย ซึ่งพี่อ้อรู้ดีว่านี่คือปัญหา และจุดนี้นี่เองที่เธอเริ่มผันตัวมาเป็นไรเดอร์ เริ่มขับแกร็บเป็นอาชีพเสริมในช่วงปลายปี 2566
ปัจจัยสำหรับการตัดสินใจมีสองอย่างคือ 1 ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม และ 2 สามารถจัดสรรเวลาทำงานเองได้หมด รายได้จากการทำอาชีพเสริมนี้ทำให้สถานการณ์การเงินของ “พี่อ้อ” เริ่มดีขึ้น
แต่พอถึงช่วงเปิดเทอมภาระก้อนใหญ่ก็กำลังรออยู่ ขณะที่หนี้นอกระบบที่เคยไปยืมเกือบ 50,000 ก็ยังต้องผ่อนจ่าย ที่แย่คือกลายเป็นดอกเบี้ยมหาศาล พี่อ้อเลยตัดสินใจขอสินเชื่อกับ Grab การเงิน และเนื่องจากมีระบบแบบหักรายวัน จึงเชื่อว่าจะใช้หนี้หมดได้แน่นอน”
ที่สุดทุกอย่างก็ราบรื่นและพี่อ้อสามารถปลดหนี้นอกระบบได้หมดภายใน 3-4 เดือน ความคล่องตัวทางการเงินก็กลับคืนมา
ด้วยเวลาที่เลือกเอง พี่อ้อแบ่งเวลาจากงานบัญชีฟรีแลนซ์มาขับแกร็บทุกวัน โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ไปจนถึงราวบ่ายโมงของทุกวัน ก่อนจะกลับไปทำงานบัญชีต่อในช่วงบ่ายถึงค่ำ ด้วยวินัยและการวางแผนที่ชัดเจน ทำให้พี่อ้อสามารถจัดการทั้งเรื่องรายได้และเวลาได้อย่างลงตัว รวมไปถึงการไต่ระดับผู้ขับขี่เป็น “เซียนแกร็บคาร์” (คนขับแกร็บที่ทำรอบขับในระดับสูง) ได้สำเร็จ
จากวันที่เคยกังวลว่าจะเลี้ยงครอบครัวไหวไหม วันนี้พี่อ้อมีคำตอบแล้วว่า...ไหว และไปต่อได้อีก “อยากบอกทุกคนที่มองหาอาชีพเสริม หรือรายได้ที่มั่นคง ว่าการขับแกร็บคือโอกาสที่เราสามารถคว้าไว้และจัดการได้ด้วยตัวเอง
Advertisement