
วันที่ 24 ธ.ค.2568 การปะทะรอบสองระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.เป็นต้นมา ถือเป็นการปะทะที่ยาวที่สุดและยังไม่รู้ว่าจะจบในวันไหนความขัดแย้งดังกล่าวของทั้งสองประเทศสร้างแผลในใจให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะญาติทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต้องอพยพไม่มีรายได้ จากการทำการเกษตร เช่นการกรีดยาง ไม่มีรายได้จากการทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เท่ากับกัมพูชาฝากรอยแค้นให้กับคนไทยอย่างสาหัส
ล่าสุดเฟชบุ๊กชื่อ SudaratKeawprakhon ได้โพสต์ภาพต้นมะม่วงล้มพร้อมเขียนข้อความว่า น้ำตาจะไหลหมดกันต้นมะม่วงแก้วขมิ้นของฉัน หมดคำสิเว่ากับยายคนหนึ่งที่อยู่บ้านข้างๆ ตัดมันทำไม ถามผู้ต้องหาว่ามาตัดต้นมะม่วงหนูทำไม ยายคนนั้นบอกว่าซังมัน มันเป็นมะม่วงเขมรวาซั่น ป้านุ่มโอ้ยยยยน้อออ หัวจิปวดกว่าจะปลูกได้ต้นขนาดนี้เก็บกินทุกปี มะม่วงมันผิดอิหยังบ่แมนป้านุ่มสิ 0 แล้วบ้อหึ ส่งกลับศูนย์อพยพคืนดีบ่หึ ยายอันนี้แหมยายคำปลิว #เจ้าของบ้านมัวแต่ไปทำกับข้าวส่งทหารกลับบ้านค่ำทุกวัน
จากการตรวจสอบพบว่าคนโพสต์เป็นลูกสาวของนางคำปลิว แก้วประโคน อายุ 63 ปี ชาวบ้าน ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ คนตัดต้นมะม่วงโดยนายคำปลิวได้ออกมาระบายความในใจว่า
ตนซื้อพันธุ์มะม่วง "แก้วขมิ้น" มาจากตลาดนัดเอามาปลูกเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา มะม่วงต้นนี้ลูกดกอร่อย หลังจากมีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาและรับทราบข้อมูลจากสื่อมาเป็นระยะ
ยอมรับว่าเวลานี้เกลียดเขมรมาก โดยเฉพาะลูกชายของตน ซึ่งเป็นทหารทั้ง 2 คน มาเล่าให้ฟังตนยิ่งเกลียดพฤติกรรมของเขมร แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้ เพราะตนอยู่แนวหลังได้แค่ให้กำลังใจให้ทหารรบชนะให้ได้
พอมาเดินมาสวนหลังบ้านเห็นต้นมะม่วงพันธุ์แก้วขมิ้น ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจากเขมรอารมณ์มันขึ้น ไปคว้ามีดในห้องครัวลงมือฟันด้วยตนเองจนต้นขาดและล้มลง จนกระทั่งลูกสาวมาถามจึงอธิบายความในใจให้ฟังดังกล่าว
นางคำปลิว บอกด้วยว่า เขมรทำให้คนไทยต้องเดือดร้อนทหารต้องตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ไทยไม่เคยเริ่มก่อน จึงอยากฝากถึงทหารหรือรัฐบาลจัดการเขมรให้จนสิ้นสภาพ ไม่ให้มันย้อนมารังแกคนไทยแบบนี้อีก
Advertisement