
วันที่ 15 ธ.ค. 68 จากกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ (15 ธ.ค. 68) โดยมีรายงานการปะทะและสาดกระสุนเป็นระยะ เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ส่งผลให้บรรยากาศในพื้นที่ชายแดนยังอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุดนั้น
นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำหนดแนวทางดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
โดยภายหลังการประชุม นายอนุรัตน์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดตอนนี้มีผู้อพยพออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิง และออกมาอาศัยอยู่ที่บ้านญาติแล้วกว่า 1 แสนคน จ.ศรีสะเกษ ได้จัดศูนย์อพยพไว้ 520 ศูนย์ มีพื้นที่รับรองบ้านญาติประมาณ 346 แห่ง นอกจากนี้ในส่วนอาหาร น้ำดื่ม เครื่องใช้ประจำอื่นๆ ทางจังหวัดได้ดูแลผู้อพยพเป็นอย่างดี และจัดกิจกรรมสันทนาการอื่นให้กับผู้อพยพได้ร่วมกิจกรรม เพื่อลดความเครียดกับปัญหาชายแดน
นายอนุรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุการณ์ที่มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น ตอนนี้จังหวัด ได้มีประกาศห้ามประชาชนเข้าพื้นที่สีแดงโดยเด็ดขาดใน 3 อำเภอ คือ อ.กันทรลักษ์ อ.ขุนหาญ และอ.ภูสิงห์ หากพบเห็นหรือไม่ฟังประกาศ จะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด จะมีโทษทั้งจำคุก - ปรับ
พร้อมกับวันนี้ได้สั่งให้ทางอำเภอส่งเจ้าหน้าที่ และรถยนต์เข้าในพื้นที่สีแดง เพื่อลาดตระเวน และสำรวจหาประชาชนที่ตกค้าง รับตัวออกมาจากพื้นที่ 100% และได้สั่งการให้มีการตั่งด่านตรวจ และจุดสกัด เพื่อกัดไม่ให้ชาวบ้าน หรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่สีแดง
ขณะที่ นาย ศดิช ณิชกุล นายอำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ออกประกาศประกาศให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย (ภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังนอกประเทศ) พักอาศัยในศูนย์อพยพ ศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือสถานที่ปลอดภัย จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ตามที่ได้มีการปะทะกับระหว่างกองกำลังไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 2568 ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ โดยสถานการณ์ได้ยกระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เกิดการปะทะกันบริเวณชายแดนในหลายพื้นที่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะยืดเยื้อ และขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว พบว่าส่งผลกระทบในเขตพื้นที่ อ.ขุนหาญ และ อ.ขุนหาญ ได้ประกาศเขตพื้นที่สาธารณภัย ภัยอื่นๆ (ภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังนอกประเทศ) นั้น
อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความในมาตรา 19 ประกอบมาตรา 28 จึงให้ประชาชนในพื้นที่ อ.ขุนหาญ (ยกเว้นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง) ให้อพยพไปยังสถานที่ศูนย์อพยพ ศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือสถานที่ปลอดภัยอื่น ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่ข้างต้น หากผู้ใดฝ่าฝืนประกาศ ต้องระวางโทษตามมาตรา 52 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานการณ์ยังไม่มีความปลอดภัย อ.ขุนหาญ จึงขอให้ประชาชนที่อพยพในสถานที่ต่างๆ ห้ามมิให้เดินทางกลับภูมิลำเนา โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2568 จนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด
Advertisement