"บิ๊กโจ๊ก" ฟาดแรงนายกฯใจดำมาก จัดการน้ำท่วมใต้ล้มเหลว แนะคุมน้ำท่วมเอง
"บิ๊กโจ๊ก" ฟาดแรงนายกฯใจดำมาก จัดการน้ำท่วมใต้ล้มเหลว แนะนั่งโต๊ะคุมน้ำท่วมเอง จี้ให้รัฐบาลเผยยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริง แซะนายกฯ ช่วยตามหา มท.1 หายตัว
(1 ธ.ค. 2568) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติผิดมิชอบกลาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี น้ำท่วมที่มีปัญหาข้อมูลไม่ตรงกัน ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ข้อมูลจากภาคประชาชนที่ถ่ายทอดมายังตนและข้อมูลจากรัฐบาลนั้นไม่ตรงกัน ซึ่งจากที่ตนได้ลงพื้นที่ไปเจอกับผู้นำชุมชน รวมกับ ข้อมูลที่พักประชาชนรายงานก็มาถึงยอดผู้เสียชีวิต ไม่ใช่หลักพันแต่เกิน 1,000 คน แต่วันนี้ภาครัฐกดข้อมูลเอาไว้ โดยมีการแบ่งแยกว่าศพนี้ตายนอกโรงพยาบาล บางศพเสียชีวิตในโรงพยาบาล ซึ่งตนเข้าใจได้ว่าการที่รัฐแบ่งแยก เพราะต้องการให้จำนวนศพที่เกิดจากน้ำท่วมนั้นลดลงจากกรณีที่เสียชีวิตจากโรคประจำตัวและอุบัติเหตุ ที่อาจจะไม่ได้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแต่เสียชีวิตจากทางอ้อมอย่างการรักษาไม่ทัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งตรงนี้หากแพทย์นำไปตีความ ว่าหากตายจากอุบัติเหตุหรือโรคประจำตัวที่ไม่ได้รับผลจากน้ำท่วม ก็อาจจะเข้าข่ายรับเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต ศพละ 2 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าไม่ถูกต้องเพราะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องเห็นใจญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ว่าเค้าจะลำบากขนาดไหน ซึ่งวันนี้อย่าว่าแต่เงินกินข้าวเลย ไม่รู้ชาวบ้านจะหาเงินจากที่ไหนได้เลย ส่วนตัวจึงรู้สึกเศร้าใจกับการบริหารงานของรัฐบาล มันเป็นสภาพแย่มากถ้าลงไปแล้วเห็นแบบตนก็จะรู้
ส่วนตัวตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่มองว่านายกรัฐมนตรีใจดำมาก เป็นถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และกลุ่มตำรวจ แต่วันนี้ตำรวจก็ไม่มีใครออกมาดูแลประชาชน พบว่ามีโจรขโมยเต็มไปหมด อย่าลืมว่าเมื่อไหร่น้ำลดโจรมาแน่นอน ชาวบ้านเดือดร้อนกำลังตำรวจก็ไม่พอ เนื่องจากตำรวจก็เป็นผู้ประสบอุทกภัย ส่วนตัวก็มีคำถามว่าทำไมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงไม่เกรตำรวจนอกพื้นที่เข้า ช่วยเหลือเพราะตำรวจในพื้นที่ก็กำลังไม่พอ บางคนทำงานถึงเช้าเพราะรับแจ้งเหตุ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบ้านที่ยังเข้าไม่ถึงและเอาศพออกมาไม่ได้ อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีถ้าท่านลงไปในพื้นที่แบบตน จะพบว่ากลิ่นศพแรงมาก มีทั้งผู้เสียชีวิตคนไทยและคนต่างด้าว แล้วจะมาแบ่งแยกแบบนี้ตนมองว่าไม่ถูก เพราะอย่าไปแบ่งแยกเลยเนื่องจากคนก็คือคน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณี กู้ภัยเปิดเผยว่ามีใบสั่ง ห้ามพูดว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงเกิน 100 และห้ามเก็บศพข้างในนั้นว่า ที่ตนต้องออกมาพูดแรงๆ เพราะตนเคยเป็นข้างราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงรู้ว่าเขาทำอะไรกันอยู่ ประชาชาชนอาจไม่ได้คิดไกลแบบตน แต่ตนรู้ว่า ท่านพยายามกดตัวเลขเพื่ออะไร เพื่อการเมือง เพื่อเงิน 2 ล้าน อย่าลืมว่าหากมีผู้เสียชีวิตเป็น 1,000 ศพ ก็ต้องจ่ายถึง 2,000 ล้านบาท มันเยอะ แต่ถึงตัวเลขเยอะก็ไม่เท่าประเด็นการเมือง เพราะถ้าในการเมือง จะเป็นคำว่า "นายกฯ 1,000 ศพ" คือท่านรับไม่ได้ แต่รับไม่ได้วันนี้ยังไงก็ต้องรับให้ได้
เมื่อถามว่าไม่กลัวถูกฟ้องที่กล่าวหาว่า "นายกฯ 1,000 ศพ" หากข้อมูลผู้เสียชีวิต ไม่ถึงตัวเลขดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนไม่ได้ว่า นายกฯ 1,000 ศพ ตนหมายความหมายว่า นายกฯ อาจจะกลัวว่าท่านจะได้สมญานามว่านายกฯ 1,000 ศพ ตนมองว่านายกฯ ไม่ต้องไปกลัวหรอกว่าท่านจะได้สมญานามนี้ หากนายกฯ เยียวยาผู้เสียชีวิตครบทั้งหมด นายกฯ ก็จะเป็นฮีโร่ ส่วนตัวอยากให้นายกฯ ตั้งโต๊ะแถลงให้ชัดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิต และเงินเยียวยาจะได้ภายในกี่วัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่าวันนี้ตนยังไม่เห็นนายกรัฐมนตรีขอโทษประชาชน เท่าที่เห็นคือการเดินไปโทษไป แต่มันไม่ใช่การขอโทษแต่เป็นการขอไปที ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แนะนำให้นายกรัฐมนตรีตั้งโต๊ะแถลงข่าวให้ชัดเจน และขอโทษจริงๆ รวมถึง เปิดข้อมูลให้ชัดถ้านายกฯ ไม่เปิดข้อมูลเองไม่มีใครกล้าเปิดข้อมูลเนื่องจากทุกคนกลัวนายกรัฐมนตรีหมด ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้อาจจะมีมวลชนชาวหาดใหญ่ออกมาแน่นอน เพราะถ้าเล่นแบ่งศพ และมีการชันสูตรทุกศพยิ่งเพิ่มระยะเวลา แทนที่จะเร่งนำร่างส่งคืนให้กับญาติ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีเรื่องถุงซิปใส่ศพ ฝนไม่เข้าใจว่าทำไมกระทรวงสาธารณสุขต้องไปขอรับบริจาคจากภาคประชาชน ทั้งที่เราเป็นภาครัฐ ส่วนกรณีแชทถุงซิป ตนไปสั่งให้ท่านรับผิดชอบไม่ได้ แต่ที่ต้องเปิดเผยเพราะอยากกระตุ้นให้ นายกฯ ใส่ใจและตั้งใจในการแก้ปัญหา
เมื่อถามถึงความจริงใจในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หากจริงใจและจริงจังจะต้องไม่ทำแบบนี้ เพราะว่าวันนี้เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการคุมตำรวจ บัญชาการตนมองว่านายกรัฐมนตรีควรนั่งบัญชาการ แต่พอมอบ 3 คน ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ก็ทำให้ทุกคนงงกันหมด ไม่รู้ใครจะใหญ่และใครต้องสั่งใคร ซึ่งวันนี้ตนมองว่านายกรัฐมนตรีควร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์โดยตัวเองเรื่องทั้งหมดควรเริ่มที่นายกรัฐมนตรีและจบที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อตัดสินใจผิด เลือกเชื่อข้อมูลของคนท้องถิ่น มากกว่าข้อมูลของส่วนกลาง ทำให้ไม่มีการเตรียมการอะไรและอพยพคน ช่วงท้ายก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการเยียวยาอย่างรวดเร็ว แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือชาวบ้านช่วยกันเอง ไม่ได้มาแกล้งตำหนินายกรัฐมนตรี และอย่าไปเข้าใจว่าตนจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ยืนยันไม่ได้เล่นการเมืองช่วยพรรคไหน หากนายกทำดีตนก็ชม ทำไม่ดีตนก็ตำหนิ
เมื่อถามถึงกระบวนการเยียวยาผู้ประสบภัยมองว่าล่าช้าหรือขัดแย้งทำให้ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องนี้คือปัญหา คือวันนี้นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจเอง เพราะหากให้ข้าราชการตัดสินใจมันติดระเบียบ ต้องใช้เอกสาร แต่ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ผ่านทางตันเหล่านี้ คงไม่มีใครได้เงิน ตนมองว่านายกฯ ต้องใช้อำนาจ ซึ่งวันนี้นายกฯ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ตนมองว่านายกฯ ต้องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไปใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เพราะสมบูรณ์แบบและชัดเจน เนื่องจากมี ผอ.สำนักงบประมาณในนั้นด้วย ทีนี้พอนายกฯ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือเป็นการยึดอำนาจจาก 38 หน่วยงานมาทั้งหมดเลย ตนมองว่า นายกฯ ต้องไปนั่งหัวโต๊ะบริหารสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการสั่งแบบจินตนาการ แต่ติดขัดตรงไหนท่านก็ไม่ทราบแล้ว ซึ่งตนมองว่าทุกอย่างนายกรัฐมนตรีสั่ง แอคชั่นเร็ว แต่ไม่ตามผล
เมื่อถามว่า เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมจะเป็นช่วงจังหวะที่ได้ปราบปรามธุรกิจสีเทาในพื้นที่เขต 7-8 ทีเดียวเลยหรือไม่ บิ๊กโจ๊ก ระบุว่า คำว่าธุรกิจสีเทาหรือสีดำมันมีอยู่ทุกที่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามีมากหรือน้อยซึ่งตนมองว่าเรื่องของน้ำท่วมไม่ได้กระทบธุรกิจสีเทามาก ธุรกิจก็ยังคงมีอยู่แล้วเดี๋ยวนี้เป็นออนไลน์มากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นระบบออนไลน์ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนตัวมองว่าธุรกิจสีเทาเดี๋ยวก็ฟื้น เพราะเมื่อใดเจ้าหน้าที่รัฐยังคงส่งเสริมให้มีอยู่ มันก็มีอยู่ ส่วนตัวมองว่าคงไม่มีใครมาปราบเพราะมันเป็นรายได้ก็ยังคงมีคนส่งเสริมให้ทำขึ้นมาเหมือนเดิม
อย่างไรก็ดี บิ๊กโจ๊ก ยืนยันว่า เขต 8 ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่ทุกคนบอก เพราะเขต 8 ไม่ใช่แหล่งรวมโจร ไม่มีเรื่องราวอาชญากรรม จริงๆ แล้วเขตแปดเป็นวัยรุ่นที่เรียนที่ ม.อ. แล้วมาเช่าที่พักอยู่ซึ่งตรงนั้นสมัยก่อนมีผับบาร์ แต่หลังจากหาดใหญ่เศรษฐกิจซบเซาผับบาร์จึงเลิกกิจการไป มีเพียงนั้นศึกษาอยู่แต่เค้าไม่ได้มีพฤติกรรมรุนแรงอะไร พร้อมย้ำว่าเขต 8 เป็นเขตที่ได้ลำบากที่สุดในเวลานี้ ส่วนใหญ่คนเสียชีวิตอยู่ในบ้านชั้นเดียว และมีซอกซอยเยอะ การช่วยเหลือเข้าไม่ถึง ส่วนประเด็นที่มีการไล่ยิงกู้ภัย ตนได้ถามคนยิง ซึ่งทางคนยิงระบุ ว่าเป็นคนเฝ้าโรงเก็บข้าว แต่เหมือนมีคนจะเข้ามาเปิดประตูโรงเก็บข้าวจึงมีการยิงปืนขึ้นฟ้า ก็ทำให้เรือกู้ภัยซึ่งไม่ใช่คนแถวนั้นเกิดความตกใจจึงมีการไปตีความกันไป
ขณะที่บิ๊กโจ๊ก ฝากให้ภาครัฐเร่งเตรียมการในช่วงเดือนธันวาคมนี้ อาจจะมีสถานการณ์ น้ำท่วมชุดใหญ่หรือไม่ เพราะวันนี้แค่เริ่มต้นฝนแต่ช่วงเดือนธันวาจะมีช่วงปลายฝนอาจจะมีน้ำท่วมเกิดขึ้นได้อีก เพราะฉะนั้นจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเฉพาะที่หาดใหญ่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีพ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัยอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการนำผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาบัญชาการเหตุการณ์น้ำท่วม บิ๊กโจ๊ก มองว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่ได้กำลังในการสั่งทหารบกได้ ตนมองว่านายกรัฐมนตรีอาจจะไม่เข้าใจระบบราชการดีพอแล้ววันนี้ก็มีการตั้งข้อสังเกตควรให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไว้ บัญชาการเหตุการณ์ตามแนวชายแดนเกิดระหว่างที่เรามีปัญหาในประเทศแล้วกัมพูชาบุกมา แล้วใครจะบัญชาการแนวชายแดนก็ต้องให้ผู้บัญชาการหาสูงสุดดูแลชายแดนไปส่วนหน้างานน้ำท่วมต้องให้นายกรัฐมนตรี
ทิ้งท้าย บิ๊กโจ๊ก ฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยตามหาคนหาย ก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหาย ตอนนี้ นายกฯ อนุทิน ตามหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่เจอไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ตนมองว่าวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยควรออกมาเล่นบทบาทเยียวยา เพราะฉะนั้นอยากฝากให้นายกฯตามหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เจอ
Advertisement
