เล็ก ฝันเด่น เผยเขมรชนะสงครามข่าว ไม่ได้โง่แบบที่คิด กลบกระแสสแกมเมอร์
เล็ก ฝันเด่น เผยเขมรชนะสงครามข่าวไปแล้ว ไม่ได้โง่แบบที่คิด ทำเป็นขั้นตอน ทุกอย่างผ่านการวางแผนมาหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 13 พ.ย.68 ฝันเด่น จรรยาธนากร หรือ เล็ก ฝันเด่น นักแสดงชื่อดัง ในฐานะตัวแทนจิตอาสา “กลุ่มใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน”เปิดใจถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาว่า
สภาวะแวดล้อม ณ ตอนนี้ ถ้าเทียบกับเมื่อวานนี้ ค่อนข้างที่จะดูสงบขึ้น เพราะเมื่อวานช่วงประมาณ 4 โมงที่เริ่มมีเสียงดัง เรียกว่ามีการยั่วยุจากฝั่งตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นเสียงปืนหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ประชาชนเริ่มเกิดความตื่นตระหนก แต่อาจจะไม่กระทบในวงกว้าง เพราะเกิดแค่บางจุด และเสียงปืนเล็กจะไม่ดังเท่าปืนใหญ่ ที่ตนรับรู้เพราะน้องๆกู้ภัยอยู่ในพื้นที่แถวนั้นพอดี เลยเริ่มขบวนการอพยพประชาชนในเบื้องต้น
เท่าที่คุย สภาพจิตใจของชาวบ้านในแถวนี้ค่อนข้างที่จะเตรียมพร้อม ทั้งในเรื่องความรู้สึก และการจัดเตรียมเสื้อผ้า และสิ่งของ และเท่าที่ตนมาสัมผัสเอง ชุมชนฝั่งนี้เขาก็สนิทกับฝั่งนู้น แต่พอตอนนี้มันมาเกิดเหตุการณ์ก็เป็นสภาวะที่ต้องขาดจากกันในเรื่องของความเป็นเพื่อนกันไปก่อน แต่ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สาเหตุมันไม่ได้เกิดจากเรา มันเกิดจากฝั่งตรงข้ามที่เขายั่วยุ เลยเป็นสิ่งที่ชาวบ้านเขาต้องยอมรับ
เรื่องการขาดเหลือ ตนว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่เข้าสู่เลเวลที่ต้องอพยพแบบขั้นเด็ดขาด แต่ในห้วงเวลา 24 - 72 ชั่วโมง เป็นช่วงที่ต้องเตรียมความพร้อมในการอพยพในส่วนของประชาชน แต่ฝั่งทหารต้องเช็ก Alert ในความเข้มข้นมากขึ้น
ในมุมของตน ถ้าเราย้อนไปเมื่อเดือนที่แล้วก็จะมีเหตุการณ์คล้ายกันแบบนี้ที่ปราสาทตาเมือนธม ที่เริ่มจากการยั่วยุ ยิงปืนเล็ก แต่จู่ๆ ฝั่งนั้นก็มีการยิงจรวดที่ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล เพราะฉะนั้น ตนจึงหาความจริงใจจากกัมพูชาไม่ได้ เราอาจจะมองว่าไม่มีอะไร แต่ถ้าเทียบกับเดือนนั้น ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิด ในเมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจมันหมดไปแล้ว มันยากที่จะฟื้นฟู
พื้นที่ภาคที่ 1 เราจะเห็นว่าจุดอื่นมีการกระทบกระทั่ง แต่ตรงนี้ก็เงียบเหงา อาจจะมีแค่ปะทะของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมีการใช้อาวุธปืน มันเป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์ เพราะตรงนี้คือจุดเศรษฐกิจ และหัวใจของทั้งสองประเทศ หากตีความหมายแบบชาวบ้าน ถ้าเขายิงเอง หรือมีคำสั่งจากจากข้างบน น่าจะเป็นกุญแจบางอย่างที่ทำเรารู้ว่าไม่เหมือนเดิม เราจึงต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลประชาชน
การสร้างสถานการณ์มีมาโดยตลอด นักรบไทยที่เป็นหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิด ก็ยังเจอ และพัฒนาถึงขั้นมาวางในบังเกอร์แล้ว จากที่วางตรงถนน ลาดตะเวนเช้า ตกเย็นเอามาวางก็แย่แล้ว เพราะมีการทำสัญญาไม่ให้ใช้ ก็ยังมีให้เห็น แต่นี่พัฒนาถึงจุดที่วางในบังเกอร์ ที่ทหารเข้าไปแอบ แล้ววางไปกี่ลูก
ตนไม่เคยรู้สึกว่าเขาถอยเลย ไม่เคยรู้สึกว่าเขาเงียบ เพราะในเชิงการทูต มวลชน จิตวิทยา และนานาชาติ เขาก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เขาทำเป็นขั้นตอน ฉะนั้นไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ ในเวลาที่มีการปล่อยเงียบ เหมือนผิวน้ำที่ข้างหน้าดูเงียบ แต่ข้างใต้ไหลแรง
ประเด็นวันที่ 17 พ.ย. ที่ยังไม่มีการเลื่อนการปักหมุดชั่วคราว ตนยอมรับว่า มันก็น่ากลัว เพราะว่า ย้อนกลับไปในวันที่ 12 ที่จะมีการปล่อยเชลยศึก เรายกเลิกไป แต่มันทำไง มันเอารถ รพ.มารอรับ ซึ่งข่าวทุกอย่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าเงื่อนไขที่เคยตกลง ยกเลิกหมด แต่วันที่ 12 ยังอ้าวว่า เราผิดสัญญา แปลทุกภาษาเพื่อประกาศให้ทราบ ยังตีมึน แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้
ในตอนนี้เราแพ้ในเรื่องสงครามข่าวแล้วหรือเปล่า เดี๋ยวจะหาว่าเราด้อยค่าตนเอง แต่ต่างคนต่างบอกว่า ใครจะเฟกนิวส์มากกว่ากัน แล้วใครได้ประโยชน์ เราฟ้องคนในชาติ แต่เขาฟ้องนานาชาติ ผมไม่เคยมองว่าเขมรโง่ เขาสุดยอด ถ้าเขาโง่เขาคงไม่สามารถยืดเยื้อสงคราม เขาได้เงินจากนานาชาติในการเก็บกู้ระเบิด ทั้งยังได้รับความสนใจจากประเทศมหาอำนาจ มันไม่โง่ แต่กลายเป็นว่าเราช้ากว่า 3 ก้าว ตอนนี้เราต้องปรับแผนในการสื่อสารแล้ว
เรื่องบังเกอร์ กันจอมพลัง ที่รับกระสุนแทน ภาพที่เราเห็นที่มีกระสุนวิ่งเข้ามา เรารู้อยู่แล้วว่าโซนนั้น นี่แสดงให้เห็นว่า การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด เขาไม่เคยบอกว่า ทำเท่าไหร่ แต่วันนี้ ถ้าไม่มีบังเกอร์ กันจอมพลัง ภาพเมื่อวานอาจจะฝั่งเราที่ต้องสูญเสีย ฉะนั้นพี่กัน คือตัวแทนของการรวบรวมความสามัคคีในการแปลงสภาพเงินให้กลายเป็นวัตถุที่ปกป้องคนในพื้นที่ แต่ในส่วนตื้นลึกยอมรับว่า ตนไม่รู้ แต่เราเห็นว่า ทำแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ถ้าวันหนึ่งเราชนะศึกบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ด้วยถนนที่ กันจอมพลัง ทำ ด้วยเงินที่ประชาชนมาระดมทุนมาช่วย สมมติถ้าเราชนะด้วยสิ่งเหล่านี้ ตนขอถามว่า ใครจะไปขอโทษเขา
กรณีที่ฝั่งนั้นพยายามปั่น เพื่อเบี่ยนเบนความสนใจเรื่องสแกมเมอร์ ทั้งที่เป็นเรื่องระดับโลกที่ต้องช่วยกันปราบปราม เพราะฉะนั้นเขาเอาข่าวที่รุนแรงกว่า เพื่อมากลบข่าวที่มีอยู่แล้วหรือเปล่า อันนี้พูดในมุมชาวบ้านเลย เหมือนย้ายขี้เถ้ามากลบ บอกเลยว่าเหลี่ยมยิ่งกว่าเพชร นี่มันระดับมิ้ลเลอร์บอล คนที่ตามข่าวทุกวันจะเห็นเทคนิคเขา ไม่มีเหตุบังเอิญ วางแผนมาหมด เขาเป็นกลุ่มประเทศเล็ก เขารู้อยู่ว่า รบแล้วแพ้ แต่เขาจัดการในแบบอื่น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีประสบการณ์เรื่องนี้ต้องช่วยกันคิด จับจุด เพื่อหาทางออก เหลี่ยมทุกเหลี่ยมมันมีทางแก้ บางอย่างมันไม่มีทางตรง มันต้องมีทางอ้อม อย่างเรื่องปิดด่าน ปิดจริงแค่ไหน มันต้องปิดทั้งทางน้ำทางอากาศ ตอนนี้มันมีรูรั่วอยู่ มิเช่นนั้น เขาไม่อยู่รอดแบบนี้หรอก อันนี้เป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น มันอยู่ที่การจัดการบริหาร และนโยบายของฝั่งเราแล้ว
เรื่องฝากความหวังไว้กับรัฐบาล ยอมรับว่า หวังมากยิ่งเสียใจมาก แต่หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมองว่าผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน จะสำคัญที่สุด
ส่วนมวยคู่ระหว่าง พลโทมาลี และ บุ๋ม ปนัดดา ตนมองว่า พี่บุ๋ม ไม่ได้เป็นโฆษกแล้ว แต่เขาก็ฟาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้มวยถูกคู่ยังไงประชาชนก็ชอบ ฉะนั้นทำร้ายจิตใจด้วยคำด่า ไม่ผิดระบบ ด่าเพื่อชาติ ยอมรับว่า พี่บุ๋มเจ๋ง เอาอยู่ ส่วนอีกคนที่อยากให้เอาไปสู้ คือ เจ๊เอ๋ บอกเลยว่า อยากให้เจอเดี่ยวไม่โครโฟนตัวต่อตัวกับพลโทมาลี
ถามว่า อยากฝากอะไรถึงกัมพูชาไหม ตนมองว่า ไม่รู้จะฝากอะไร มันเหลี่ยมจัด จนไม่อยากเอาหัวไปแลก สิ่งที่เราทำได้คือ พูดไม่รู้เรื่องก็ตบแม่ง ทุกการศึกเริ่มตนด้วยการเจรจา แต่ถ้าพูดไม่รู้เรื่องต้องจบที่โรงพัก
Advertisement
