
นายประสาน แสงจุ่ม ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้สามารถควบคุมได้ยังไม่เท่าปี 2554 ที่น้ำเต็มความจุ 100% ต้องระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำล้น Spill Way ซึ่งสถานการณ์น้ำเขื่อนภูมิพล (12 พ.ย. 2568 ณ เวลา 08.00 น.) ระดับน้ำ 259.80 เมตรรทก. หรือ อีก 20 เซนติเมตร จะถึงขีด 260 ม.รทก. ปริมาณน้ำกักเก็บ 13,399.77 ล้าน.ลบ.ม. ระดับน้ำเขื่อนภูมิพล 99.54% สามารถรับน้ำได้อีก 0.46% หรืออีก 62.23 ล้านลบ.ม. มีน้ำเข้าสะสมวานนี้ 88.08 ล้านลบ.ม. วันนี้ จะระบายน้ำ 55 ล้านลบ.ม. (เฉลี่ยต่อเนื่อง24ชั่วโมง)
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้ประชุมในวันที่ 10 พ.ย. 2568 มีมติให้เขื่อนภูมิพลปรับเพิ่มการระบายน้ำจากวันที่ 10 พ.ย. 2568 ระบายน้ำเพิ่มเป็น 48 ล้านลบ.ม., วันที่ 11 พ.ย. 2568 ระบายน้ำเพิ่มเป็น 53 ล้านลบ.ม. และวันที่ 12-16 พ.ย. 2568 ระบายน้ำเพิ่มเป็น 55 ล้านลบ.ม.
ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เพิ่มขึ้นทำให้คาดการณ์ว่าภายในวันที่ 15 พ.ย. จะมีน้ำเข้าเพิ่มและแตะจุดสูงสุดที่เกือบเต็มความจุ ซึ่งปัจจุบันตามการคาดการณ์ของ สทนช. ได้ประชุมและวิเคราะห์เพื่อบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพลดผลกระทบให้มากที่สุด ยังคงระบายจากเขื่อนภูมิพลในอัตราวันละ 55 ล้านลบ.ม. แต่ความสามารถผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้ง 8 เครื่อง สามารถระบายน้ำได้สูงสุดถึง 60 ล้านลบ.ม. ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย. นี้ หากไม่มีน้ำเข้าเพิ่มจากฝนที่คาดว่าไม่ตกเพิ่มแล้วในช่วงนี้ ก็ทำให้ไม่ต้องเปิดประตูระบายน้ำล้น
ทั้งนี้จากปริมาณน้ำกักเก็บสูงสุดในปัจจุบัน มีแผนในการพร่องน้ำลดลงให้ปริมาณ 1 เมตร หรือ ประมาณ 300 ล้านลบ.ม. เพื่อจุดสมดุลในการรองรับปริมาณน้ำใหม่สำหรับมวลน้ำ จากการระบายน้ำผ่านเขื่อนภูมิพล จะเดินทางไปถึงเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จะใช้เวลา 8 วัน คาดว่าน้ำที่ปล่อยเพิ่มจะเดินทางไปถึงช่วงวันที่ 19 พ.ย. นี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ปริมาณน้ำเขื่อนภูมิพลที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 14 ปี ทำให้มีประชาชนมาติดตามสถานการณ์น้ำเก็บภาพน้ำในเขื่อนที่เกือบเท่าปี 2554 และมาติดตามสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ริมแม่น้ำปิง และแม่น้ำวัง
สำหรับการกังวลเรื่องปลอดภัยแข็งแรงของเขื่อนยังเผยว่า ได้ดำเนินงานด้านความปลอดภัยตามแนวทางขององค์การเขื่อนใหญ่ระหว่างชาติ (ICOLD) โดยมีการตรวจสอบ 3 ระดับได้แก่ 1.การตรวจสอบประจำทุกสัปดาห์ 2.การตรวจสอบอย่างเป็นทางการทุก 2 ปี และ 3.การตรวจสอบกรณีพิเศษ เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เช่นกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง มีฝนตกหนักมาก เกิดน้ำหลาก ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งทางเขื่อนมีระบบมาตรฐานในการตรวจวัดค่าต่างๆ ทั้งระบบออโต้และแมนนวล โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของเขื่อน กฟผ. ผลการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด รายงานผลปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน ยืนยันผลว่าเขื่อนภูมิพลมีความมั่นคงแข็งแรงมีความปลอดภัยสูงมาก
Advertisement