
พลโทพงศกร รอดชมภู อดีตประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เปิดเผยถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ชี้กัมพูชาไม่ได้มีการร่วมปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดร่วมกับประเทศไทย ทำให้เห็นถึงแสดงการไม่จริงใจ โดยมองว่าทุนระเบิดที่ทหารไทยเหยียบวันนี้ ทำให้ทางประเทศไทยสามารถยืนยันได้ ฝั่งประเทศกัมพูชาเป็นคนวางทุ่นระเบิด ตอนนี้ขอให้ทางรัฐบาล ชี้แจงกับนานาชาติทราบว่าทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นทุ่นระเบิดใหม่
โดยมองว่าสถานการณ์ตอนนี้มี 2 แนวทาง คือรัฐบาลต้องใช้ความอดทนอดกลั้น แจ้งไปที่ฝั่งกัมพูชา ทำเรื่องประท้วง แต่แนวทางนี้ตนเองไม่เห็นด้วย
ส่วนอีกแนวทางคือการใช้กำลัง ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ ตนเองมองว่าเหมาะสม และมีความชอบธรรม เพื่อทำให้กัมพูชารู้ว่าทางประเทศไทยเอาจริง โดยประกาศให้นานาชาติรู้ว่าประเทศไทยจะต้องโจมตี เพื่อยุติอันตรายที่จะเกิดขึ้น เน้นทำเฉพาะที่จำเป็น มุ่งไปที่ทหารช่างของกัมพูชา เพราะทหารช่างฝั่งกัมพูชาเป็นคนวางระเบิด หรือกองบัญชาการ ยืนยันว่าตัองใช้กำลังอย่างเดียว
โดยเห็นด้วยที่ทางนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี สั่งยุติข้อตกลง 4 ข้อทั้งหมด แต่ต้องยกระดับมากขึ้นด้วยการใช้กำลัง
ส่วนกรณีของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพกุ้ง ที่ปรึกษาผู้บัญาการทหารบกและอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ออกมาเปิดเผย ว่ามีคนโทรศัพท์มาสั่งให้หยุดยิง ในช่วงการปะทะกัน โดยอยากให้พลโทบุญสิน เปิดเผยชื่อบุคคลคนนั้นให้สังคมรับรู้ มองว่าคนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมดคือพลโทบุญสิน เพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ตนเองขอยกตัวอย่างสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีคำสั่งตรัสกับพระราชมนู ทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวร ให้ถอยทับกลับ แต่พระราชมนูไม่ถอย เพราะมองว่าตนเองกำลังจะรบชนะ แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงบอกว่า “ถ้าไม่ถอยให้เอาหัวมา” พระราชมนู จึงต้องถอยมา เพื่อให้ทัพหลวงตีตลบ เพื่อทำลายกองทัพพม่า ดังนั้นตนเองมองว่าทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังต้องฟังกัน และทหารต้องฟังคำสั่ง ผู้บังคับบัญชา
Advertisement