
วันที่ 9 พ.ย.2568 อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หรือโค้ชสกล ทีมฟุตบอล โรงเรียนหมอนทองวิทยา ให้สัมภาษณ์อัมรินทร์ออนไลน์ ถึงการพ่ายแพ้ในนัดชิงของโรงเรียนหมอนทองวิทยา กับ โรงเรียนอบจ.ชัยนาท ว่า คงเป็นเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่า สู้ไม่ได้ ซึ่งเราไม่อยากไปหาแพะรับบาป ความจริงเราต้องดูตั้งแต่เริ่มต้นมาถึงจุดสุดท้าย คือดูแต่ละแมตซ์ที่เขาเล่น รวมถึงระบบการจัดการที่อาจจะบกพร่องในด้านสภาพสนาม ซึ่งเด็กออกมาแล้วร้องไห้ บอกว่าเล่นไม่ได้อย่างที่คิด เนื่องจากติดปัญหาหลายอย่างซึ่งตนเข้าใจและได้พูดกับผู้ใหญ่ว่าให้มันจบไม่เช่นนั้นเราจะเดือดร้อนหรือหากเกิดโศกนาฏกรรมจะทำให้เกิดความวุ่นวายไปหมดซึ่งหากเมื่อวาน ( 8พ.ย.) มีการเหยียบกันตายหรือฆ่ากันตายคนแรกที่ถูกจับคือครู อาจถูกหาว่าเราไปสร้างกระแสให้ประชาชนมา
ส่วนปัจจัยสนามแข่งยอมรับมีผลกับนักเตะ เพราะเด็กเขาไม่เคยเจอแบบนี้ ทั้งกลัวไม่ปลอดภัย และเด็กเมื่อถึงช่วงแข่งขันอยากเล่นให้เต็มที่ เมื่อต้องเจอฝั่งตรงข้ามในครึ่งหลังก็พบว่ามีการพูดจาต่างๆ เช่น เมื่อจะทุ่มบอลก็ถูกพูดจาไม่ดีใส่ ทำให้เกิดปัญหาขึ้น
เมื่อถามว่ามีคนวิจารณ์เยอะเรื่องคนล้นสนาม แต่อีกนัยหนึ่งมันคือปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาจารย์คิดว่ามันจะมาถึงขนาดนี้ไหม อาจารย์สกล ระบุว่า ตนอยากให้บรรยากาศคู่ชิงเป็นแบบนี้ แต่ทุกปีใครชิงกันมันก็ไม่มีแบบนี้ ซึ่งในปีที่โรงเรียนหมอนทองวิทยา มาถึงนัดชิงทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ประชาชนหรือแฟนขคลับมากันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งช่วงเช้าก่อนแข่งเราได้เดินห้างเห็นคนมาเยอะไปหมด ยังคิดว่าหากเป็นแฟนคลับมาดูบอลสนามแตกแน่ และก็แตกจริงๆ ส่วนที่ตนได้ตกลงกับโรงเรียนอบจ.ชัยนาท ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะครองแชมป์ร่วม เพราะไม่อยากให้กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายตีกันหากให้โรงเรียนหมอนทองวิทยา ชนะอีกฝ่ายอาจไม่ยอม ซึ่งทางผู้จัดต้องเปลี่ยนกติกาหากมีการลุกฮือ ต้องประกาศให้ 2 ทีมของแชมป์ร่วมกันทีมละ 6 เดือน ทุกอย่างจะแฮปปี้
เมื่อถามว่าหากปีหน้าถ้าหมอนทองได้เข้ารอบลึกๆ หรือชิงแชมป์อีก สนามแตกอีกไหม อาจารย์สกล กล่าวว่า สนามแตกอีกแน่นอนถ้าจัดการไม่ดีเชื่อว่าหลายคนอาจไม่พูดตอนนี้แต่รอยแค้นฝังใจมีอยู่แล้วถ้าคนไทยชอบก็จะรักอยู่แบบนั้นจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และจากประวัติศาสตร์ที่เราทีมทำทีมบอลมาปีแรกแพ้ ปีที่สองสามเราชนะขาด ส่วนจิตใจของนักเตะนั้น “หลังจากที่เราพูดคุยกันมีการตั้งเป้าหมายว่าแพ้ชนะไม่ได้ซีเรียสแต่ที่สงสารคือแฟนคลับ ซึ่งต้องมีคำตอบให้เขาและบังเอิญสภาพสนามเป็นแบบนั้นจึงต้องกลายเป็นแพะรับบาป ซึ่งหากเล่นจริงๆ เราอาจแพ้ก็ได้แต่วันนี้ที่แพ้เลยทำให้มีคนกังขาว่าเป็นเพราะสนามหรือไม่ ผู้ตัดสินหรือเปล่า ซึ่งอาจทำให้เรารอดตัวไปเปลาะหนึ่ง”
ส่วนแฟนบอลค่อนข้างคาดหวัง แต่แพ้รู้สึกเสียหน้าไหม อาจารย์สกล กล่าว ไม่รู้สึกเสียหน้า เมื่อวานผู้แพ้คือผู้ชนะดูจากแฟนคลับและประชาชนซึ่งชัยนาทก็อยู่เพียงแค่กลุ่มของเขา แต่หมอนทองวิทยา มีแต่คนตบมือและขอถ่ายรูป คนเราไปอินกับคำว่าแพ้ชนะมากเกินไป ทุกวันนี้ชีวิตจึงไม่ค่อยมีความสุข การแพ้ต้องถามว่าแพ้แบบไหนแพ้แบบไม่สู้ แพ้เพราะล้มบอล หรือแพ้เพราะมีสินจ้างรางวัลหรือไม่
ส่วนอยากฝากอะไรกับแฟนบอลทีมหมอนทองวิทยาบ้าง และความฝันสูงสุดของผู้ชายชื่อสกล ในวงการฟุตบอลคืออะไร อาจารย์สกล กล่าวว่า คำว่าหมอนทองคล้ายกับคำว่าเมืองทอง ซึ่งการมีหมอนทองเกิดขึ้นมาอาจจะช่วยปลูกกระแส ดังนั้นแฟนเมืองทองมาช่วยเชียร์ หมอนทองวิทยาปีหน้ารับรองสนุก และมั่นใจว่าหากเราจะชนะคู่ต่อสู้ต้องชนะแบบไร้ข้อกังขา ไม่ต้องมานั่งตั้งคำถามหรือเกิดข้อสงสัยว่ากรรมการช่วยหรือดวงดี แต่ต้องชนะให้คู่ต่อสู้ยอมรับว่าคือผู้ชนะ ส่วนผู้ชายที่ชื่อ “สกล” นั้นยังเหมือนเดิมยังใช้คอนเซปต์เหมือนเดิมทุกอย่าง คนจนต้องมาก่อน เสื่อผืนหมอนใบ ตนไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว หากคิดว่าตัวเองมีความสามารถขายฝันตัวเองได้เชิญได้ที่หมอนทองวิทยา
หลายคนมองว่าเป็นคนจุดประกายความฝันของเยาวชนในวงการกีฬาอยากสื่อสารให้ผู้หลักผู้ใหญ่พัฒนาต่อยอดไม่ให้กระแสนี้หายไป อาจารย์สกล กล่าวว่า ขณะนี้กระแสเข้าไปถึงภาครัฐ ไม่ต้องเอ่ยถึงรัฐมนตรีคนไหน รองนายกรัฐมนตรีที่โทรมาหาตน เขาบอกหูตาเริ่มสว่างขึ้น ตอนนี้ต้องถอดแว่นและดูใหม่เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่าคืออะไร ตรงไหนมีปัญหาอะไร ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจว่าผู้ชายที่เอาอาวุโสคนหนึ่ง ไปจุดประกายได้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในภาครัฐบาลหันเหให้ความสนใจ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีพรรคการเมืองไหน หลังจากเลือกตั้งเสร็จจะมาดูเยาวชน ไม่มีพรรคการเมืองไหนใช้โมเดลเรื่องฟุตบอลต้องไปบอลโลก ตนบอกว่าหากลองมีพรรคการเมืองชูบอลไทยไปบอลโลกในช่วงระยะ 4 ปีที่อยู่ในอำนาจตนเชื่อว่าประชาชนจะเลือกพรรคท่านอย่างแน่นอน
Advertisement