Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"อ.สกล" เผย รร.หมอนทอง เริ่มจากศูนย์ ถึงวันนี้ ใช้เวลา 1 ปี สร้างชื่อ

"อ.สกล" เผย รร.หมอนทอง เริ่มจากศูนย์ ถึงวันนี้ ใช้เวลา 1 ปี สร้างชื่อ

9 พ.ย. 68
17:26 น.
แชร์

"อ.สกล" เผย รร.หมอนทอง เป็นช้อยส์สุดท้ายแต่เลือกมาทำทีมฟุตบอล หวังพัฒนาหาแสงส่องถึงเยาวชน เริ่มจากศูนย์ ใช้แรงศรัทธาถึงวันนี้ ใช้เวลา 1 ปี สร้างชื่อ

อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หรือโค้ชสกล ทีมฟุตบอลรร. หมอนทองวิทยา ให้สัมภาษณ์อัมรินทร์ออนไลน์ ว่า สิ่งที่กระตุ้นให้หายเหนื่อยคือแฟนคลับ เพราะตลอดเส้นทางจากสนามศุภชลาศัย ถึงโรงเรียนหมอนทองวิทยา 2 ฝากถนน มีแฟนคลับคอยให้กำลังใจ ซึ่งตนภูมิใจและดีใจมาก หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง และเมื่อกับถึงรร. ก็มีคนรอเกือบเต็มสนามฟุตบอลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ตนเป็นอดีตเป็นข้าราชการบำนาญ สอนตั้งแต่โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 46 จ.ชัยนาท ซึ่งเมื่อเกษียณราชการมีโอกาสได้มาที่โรงเรียนหมอนทองวิทยา เนื่องจากเห็นว่าตรงนี้แสงเข้าไม่ถึง จึงคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้แสงเข้าถึง และส่วนใหญ่พื้นที่ตรงนี้จะเป็นชาวมุสลิม จึงคิดหาวิธีจัดทำอย่างไรให้อยู่กับเขาได้ ส่วนการทำทีมกีฬา หากใช้มุสลิมทั้งหมดจะมีข้อจำกัด เช่น ช่วงถือศิลบวช จึงขอทุกศาสนามาร่วมกัน ซึ่งเราเริ่มจากติดลบ ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งนี้ก่อนที่จะมาอยู่จุดนี้ โดยที่ผ่านมามีแข้งดังๆ ได้ผ่านมือหลายคน เช่น ศศลักษณ์ ไหประโคน จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ เจษฎากร ขาวงาม อนุศักดิ์ และ อนุสรณ์ ใจเพชร ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ชวัลวิทย์ แซ่เล้า และภควัฒน์ สัพโส เป็นต้น

"ก่อนหน้านี้ตนเป็นครูอาสาที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 46 จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นโรงเรียนที่รับเด็กที่มีสภาพครอบครัวไม่สมบูรณ์ แตกแยก หรือถูกพันธนาการจากเรือนจำ ซึ่งต้องการทำเด็กกลุ่มนี้ที่ไม่มีเศษให้เป็นเพชรที่มีค่าได้หรือไม่ ซึ่งก็ได้พยายามทำจนสามารถนำทีมราชประชานุเคราะห์ ขึ้นเป็นเบอร์ต้นๆ ของจังหวัด และได้แชมป์ แต่เมื่อครบ 1 ปี มองว่าการทำจิตอาสาคงน่าจะพอแล้ว เพราะต้องช่วยเหลือตัวเองไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ใช้เงินบำนาญดูแลตัวเอง ส่วน รร.หมอนทองวิทยา มีการจัดแข่งขันมาดามคัพ และเราแข่งได้แชมป์ จึงมองสถานที่ว่าหากเราเกษียณอายุราชการแล้ว ควรจะไปอยู่ตรงไหนดีซึ่งตอนนั้นมีโรงเรียนใหญ่ๆ หลายโรงเรียนติดต่อทาบทาม มี 4 ตัวเลือก และรร. หมอนมองวิทยาเป็นตัวเลือกสุดท้าย แต่ตนเลือกข้อนี้

จนทำให้ครอบครัวผิดหวัง เพราะตรงนี้สภาพความพร้อมไม่มี ต้องเริ่มจากศูนย์ ใช้แรงศรัทธาจากประชาชนช่วย และสุดท้ายผู่ปกครองไม่หนีไปไหน จนเป็นรูปเป็นร่างแบบทุกวันนี้ ส่วนคำถามว่าสิ่งที่เลือกถือว่าถูกต้องแล้วใช่หรือไม่นั้น ต้องบอกว่าตอนนั้นมีผู้ใหญ่ ปราถนาให้เราไปสร้างฝันใน 14 จังหวัดภาคใต้ ไปทำกีฬาฟุตบอลให้ไม่ต้องขึ้นมา กทม. ซึ่งต้องเรียนรู้วัฒนธรรมเพราะภาคใต้มีพี่น้องชาวมุสลิมเยอะ จึงมาอยู่ที่โรงเรียนหมอนทองวิทยา ว่าหากเราต้องไปอยู่แบบนั้นจะทำตัวอย่างไรจะนอน ฟังเสียงละหมาดได้หรือไม่ จะประพฤติปฏิบัติเลิกเหล้ายาบุหรี่ได้หรือไม่ ไม่กินหมูได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ก็ทำได้"

สำหรับปรัชญาการทำฟุตบอล ต้องสร้างคนก่อนสร้างฟุตบอล อธิบายตรงนี้หน่อยนั้น เพราะ เราไปพยายามเปลี่ยนคำจาก “เด็กสร้างโค้ช กับโคัชสร้างเด็ก” ซึ่งคำว่าเด็กสร้างโค้ช แปลว่าโค้ชไม่ได้เลือกเด็ก ใครมาก็ได้ ขอให้โค้ชมีรายได้ ให้มีคงามเป็นอยู่ที่ดี กับโค้ชที่สร้างเด็ก ไม่ได้หวังผลอะไรกับเด็กเพียงแต่อยากให้เขาสานฝันไปสู่เป้าหมายปลายทางที่ต้องการ และรร. หมอนทองวิทยา ไม่เคยถามว่ามาจากไหน พ่อแม่ชื่ออะไร มีฐานะแบบไหม เพียงแต่ถามจะอยู่ได้ไหม เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายเนื่องจากรร. ดูแลเรื่องการศึกษา แต่ตนต้องดูแลสภาพความเป็นอยู่

เมื่อถามว่า ตอนนี้รร. หมอนทองวิทยาโด่งดังจนคนรู้จักแล้วหรือไม่ อาจารย์สกล ระบุว่า “1 ปีเต็มๆ กว่าจะเปลี่ยนชื่อหมอนทองจากทุเรียน มาเป็นโรงเรียนได้ เพราะเราไปแข่งขันกับใครมักจะถูกแซวว่าทุเรียนมาแล้ว ซึ่งคำว่าทุเรียนหมอนทองดังอยู่แล้ว แต่เมื่อเราบอกว่าหมอนทองไม่ใช่ทุเรียนแต่เป็นโรงเรียน คนมักจะถามว่าอยู่ที่ไหนขนาดคนในจังหวัดฉะเชิงเทราด้วยกันเองยังถามเลยว่าอยู่ที่ไหน เมื่อตนบอกว่าอยู่จังหวัดฉะเชิงเทราก็ถูกถามกลับว่ามีด้วยหรอ ไม่ได้อยู่จังหวัดระยองหรือจังหวัดจันทบุรีหรอ ดังนั้น 1 ปีเต็มๆ กับการเปลี่ยนชื่อและการสร้างชื่อเสียงให้กับนักกีฬาฟุตบอล ให้รู้จักกับรร. หมอนทองวิทยา

ส่วนก่อนจะมาชิงแชมป์บอล7 สี ต้องฝ่าด่านอะไรมาบ้าง เห็นว่าเกือบไม่ได้เข้าชิงด้วยซ้ำที่ดวลกับทีมโคราช อาจารย์สกล ระบุว่า กว่าเราจะผ่านมาถึงรอบชิงได้ ต้องไม่แพ้ใครเลยประมาณ 9-10นัด บอล7 สีเป็น FA CUP แพ้ตกรอบ ซึ่งโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา เด็กเก่าเราอายุ 18 ปี ย้ายไปที่นั่น เพราะผู้ปกครองบอกว่าที่นี่ไม่สามารถหาแสงให้ลูกของเขาได้ ไม่มีใครช่วยลูกเขาให้เก่งขึ้นกว่านี้ได้ จึงทำให้เกิดความกดดันกับรุ่นน้องที่มีอายุ 16 ปี การที่น้องต้องเล่นกับพี่ก็เกิดความกดดัน ตนจึงบอกว่าลองเอาชนะพี่ดูหน่อยจะรู้สึกอย่างไรบ้าง และการแข่งขันวันนั้นเป็นการดวลลูกโทษประวัติศาสตร์ยิงกัน 20 กว่าลูก

อาจารย์ สกล พร้อมยอมรับว่า ไม่คิดว่ารร. หมอนทองวิทยา จะเดินมาถึงจุดนี้ ซึ่งตนได้สัญญากับชุมชนขอเวลา 4 ปีจะทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียง เมื่อถึงเวลานั้นต้องไม่โกรธกัน ถ้าตนจะต้องไปยืนในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งที่พัฒนาได้ดีกว่านี้ ซึ่งชาวบ้านยอมรับว่าใจหายหากตนไปทุกอย่างอาจจะจบ และจากการพูดคุยกับมาดามแป้งได้มีการระบุว่า ถ้าจะเอาตนไปทำงานขออย่าให้ไปจากจุดนี้ได้หรือไม่ อย่าให้ตนเอาเด็กไปอยู่สโมสรต่างๆ ซึ่งมาดามแป้งรับปากให้อยู่ที่นี่เมื่อใช้งานอะไรจะโทรศัพท์มาหาเอง ซึ่งตนนี้เหลือเวลาปาะมาณ 1 ปีครึ่ง หากสังคมนี้ยังต้องการเราอยู่ และคิดว่าเป็นโค้งสุดท้ายของชีวิตแล้วคงไม่ไปไหน แม้หลายที่อยากให้ไป ซึ่งสามารถเป็นที่ปรึกษา ไปสร้างจิตสำนึกให้กับครูบาอาจารย์หรือโค้ชใหม่ๆ ได้ ส่วนการวางมือนั้น ตราบใดที่ท่านเซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสันยังไม่เสียชีวิต อาจารย์สกลก็ต้องทำต่อไป

“ผมได้คุยกับมาดามแป้งมาประมาณเกือบปี ถ้าจะให้มาทำงานนั้น ขอให้ตัดเรื่องผลประโยชน์และธุรกิจออกก่อน เพราะอยากทำงานให้กับเยาวชนจริงๆ สำหรับตำแหน่งคงไม่ต้องมากไปกว่านี้ เป็นที่ปรึกษามาดามแป้ง หากทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดทำไม่ได้ ไม่กล้าคุยกับโค้ช คุยกับนักกีฬา สามารถให้ผมคุยแทนได้“

สำหรับกฎเหล็กในการควบคุมนักเตะนั้น ตนมองว่าไม่มีใครเก่งมาก่อน ทุกคนต้องถอดเครื่องแบบทิ้งคำพูดพ่อแม่ไว้ที่หน้าประตู ว่าคนนี้รวย คนนี้จน ให้มาที่นี่ด้วยความเท่าเทียมกัน ซึ่งเราจะไม่มีลูกรัก ไม่มีใครเก่งกว่ากัน ซึ่งหากใครเก่งกว่าคงอยู่ไม่ได้และต้องไปที่อื่น หากเก่งมากกว่าครูไม่สามารถอยู่ได้ ส่วนใครที่ไม่เชื่อฟังก็ใช้กฎเหล็กข้อเดียว คือสวมคอนเวิร์สทางใครทางมัน ส่วนที่ให้สัมภาษณ์ว่าเงินเดือนนักเตะจะแพงกว่าโค้ช ไม่ได้ไม่เช่นนั้นจะไม่เชื่อฟัง เรื่องนี้ตนทราบว่าบางสโมสรนักเตะมีเงินเดือนมากกว่าโค้ชทำให้ไม่เชื่อฟังโค้ช มีการเปรียบเทียบต่างๆ ตราบใดก็แล้วแต่ที่ยังเป็นเยาวชนยังเป็นนักเตะ จะเก่งกว่าโค้ชไม่ได้เพราะหากเขาไม่ใช่ผู้รู้จริง แล้วจะมาสอนได้อย่างไร

เมื่อถามถึงการดูแลเยาวชนในวัยกำลังดื้อ อยากรู้อยากเห็น เราต้องเป็นตัวอย่างว่าครูไม่เคยนำสิ่งต่างๆที่ไม่ดีมาทำให้เห็น และมีการประเมินตัวเองตลอด ถามเด็กว่าครูไม่ดีตรงไหนบ้าง ทำอะไรที่ให้น่าเลียนแบบบ้าง เช่น กินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน เล่นการพนันหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีก็ไม่ควรทำ ทำให้เด็กๆ นะมัดระวังตัวเอง รวมถึงผู้ช่วยโค้ชก็จะห้ามมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

“ส่วนสิ่งที่ตามมาอีกอย่างคือชื่อเสียง จะดูแลอย่างไรเพื่อไม่ให้เด็กหลงระเริงนั้น เรื่องนี้ถือว่าอันตราย ใจเขาใจเรา ใจเด็ก และสิ่งแวดล้อมที่นำพามาสื่อก็มีหลายด้านมีทั้งด้านที่ต้องการดึงให้สูงและดึงให้ต่ำ หรือดีก็ได้ร้ายก็ดี ซึ่งอาจทำให้เด็กไขว้เขวไป ซึ่งเด็กพวกนี้ไม่เคยได้รับประสบการณ์โดยตรงว่าหากทำเช่นนี้แล้วจะเกิดผลอย่างไรต่อชีวิต อาจจะทำให้หลงระเริงไปชั่วขณะ กว่าจะรู้บางทีก็สายเกอนไปแล้ว ซึ่งหากไม่เล่าไม่บอกและย้ำเตือนตลอดเขาจะไม่รู้ เด็กก็เหมือนผ้าขาวไม่ว่าใครจะดึงหรือจะเขียนอะไรก็ได้ ดังนั้นเราในฐานะผู้รู้ ต้องสั่งสอนเขาทุกวันก่อนเลิกฝึกซ้อมประมาณครึ่งชั่วโมงที่ ตนจะต้องเทศน์ให้เด็กเด็กฟัง และยกตัวอย่างว่าหลังไปจากเราใครได้ดีอะไรบ้าง” อาจารย์สกล กล่าว

ส่วนที่วงการกีฬาฟุตบอลไทยทำไมยังไปไม่ถึงบอลโลกสักทีนั้น อาจารย์สกล กล่าวว่า ตัวเดียวสั้นๆ คือศรัทธา ซึ่งโค้ชสร้างความศรัทธากับประชาชนได้แล้วหรือยัง คำว่าศรัทธาสามารถแยกได้มากมาย แต่กว่าจะให้คนศรัทธาได้ ต้องสร้างผลงานและความดีความชอบมากมาย เมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้หรือเกิดศรัทธาแล้วพูดคำเดียวประชาชนก็มา แต่โค้ชทุกวันนี้ไม่มีคำว่าศรัทธา เมื่อเป็นโค้ชแล้วมีแต่ไปเพิ่มภาระให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง

เมื่อถามว่า สมมติได้มีโอกาศบริหารทีมชาติ หรือให้คำปรึกษา สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร อาจารย์สกล กล่าวว่า คงเข้าไปเปลี่ยนระบบเลยคงไม่ได้ แต่คงให้เรื่องของนโยบายว่าบอลไทย ควรเป็นคนไทยในระดับเยาวชน และหากจ้างโค้ชต่างชาติมาขอให้เป็นสุดท้ายเช่น การไปแข่งขันระดับโลก ไปแข่งระดับเอเชีย

Advertisement

แชร์
"อ.สกล" เผย รร.หมอนทอง เริ่มจากศูนย์ ถึงวันนี้ ใช้เวลา 1 ปี สร้างชื่อ