
(3 พ.ย. 2568) ที่บริเวณด้านนอกบริษัทผลิตเกราะ ทีมข่าวได้สอบถาม "กัน จอมพลัง" ถึงประเด็นที่ "สนธิญา" บุกร้อง "บิ๊กเต่า" ตรวจสอบ "มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้" เรื่องโควตา สลากฯ จำนวน 200,000 ใบ ซึ่ง กัน จอมพลัง ยืนยันว่าตนไม่มี โควตา สลากฯ อย่างที่ถูกกล่าวหา ที่ผ่านมาตนพยายามชี้แจงไปแล้วหลายครั้ง แต่เหมือนไม่เกิดผล ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าในฐานระบบมีชื่อตนหรือไม่ เพราะถ้ามีจริง ตนคงไม่ต้องออกมาขายของแบบนี้ ตนอยากฝากไปถึงคนที่ติดตามข่าวว่า อย่าเชื่อคนง่าย เสี่ยงเป็นเหยื่อของสแกมเมอร์ "ถ้าบอกว่าวันนี้ตนจะยึดครองโลกก็คงจะมีคนเชื่ออีก"
ขณะที่ดรามาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนมองว่า เกิดจากการที่มีคนออกมาพูด ซึ่งไม่มีหลักฐาน แต่กลับมีคนเชื่อ และมองว่าตนกระทำผิดจริง อย่างเช่นประเด็นชุดเกราะ ที่ตนตอบคำถามไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนไม่เชื่อ จนต้องพามาดูโรงงาน การซื้อยางรถยนต์ เส้นละ 7,000 บาท ซึ่งความเป็นจริงแล้ว มูลนิธิฯได้รับมาฟรี และนำไปสร้างบังเกอร์ให้ทหาร การสั่งซื้อตู้คอนเทนเนอร์ ราคา 2 แสนบาท ได้ตู้มา 2 ใบ ซึ่งความเป็นจริง มูลนิธิฯ ซื้อมา 60 ใบ ไม่ได้ซื้อ 2 ใบ ซึ่งในประเด็นนี้ก็มี สส. ท่านหนึ่ง นำไปโจมตีด้วย พอผ่านการตรวจสอบแล้ว มีใครออกมารับผิดชอบบ้าง
ส่วนประเด็นมีคนกล่าวหาว่า ตนกดเงินสดจากมูลนิธิฯ มาใช้ รวมถึงมีการกล่าวหาว่า ประธาน กรรมการมีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินบริจาค มีเงินเดือนใช้ ซึ่งในวันนี้ผลการตรวจสอบออกมาแล้ว ว่า ตนไม่ได้มีประวัติการกดเงินสดออกมาจริง และประธาน กรรมการ มูลนิธิฯไม่ได้มีเงินเดือน และไม่มีส่วนได้เสียกับเงินบริจาค ในส่วนนี้ ที่สร้างความเสียหายไปแล้ว ใครจะออกมารับผิดชอบกับคำพูดบ้าง ตนอยากถามกลับไปบ้างว่า ในขณะที่ตนต้องออกมาตอบคำถาม และพร้อมให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน เพื่อความโปร่งใส แล้วบุคคลที่ออกมากล่าวหาตน มีใครไปตรวจสอบ หรือดูหลักฐานและความเป็นจริงจากเขาเหล่านั้นบ้าง
เบื้องต้น ตนได้เตรียมทีมทนายความ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ดำเนินการกับบุคคลที่ออกมาโจมตีตน ทำให้เสียหาย ดังนั้นใครที่ออกมากล่าวหาตนโดยที่ไม่มีหลักฐานและหน่วยงานพิสูจน์แล้วว่าตนโปร่งใสจริง ก็ต้องออกมารับผิดชอบ โดยเรื่องนี้ตนดำเนินการอยู่ แต่แค่ไม่ได้ออกมาตอบโต้ผ่านโซเชียล ให้เกิดประเด็นเท่านั้น
ส่วนประเด็นเรื่องการบริจาคกับกองทัพ ที่ทางกองทัพบอกว่า จริงๆ แล้วกองทัพมีงบเพียงพอ แต่ใครจะบริจาคก็เป็นน้ำใจรับไว้นั้น ในส่วนนี้ พล.ต.ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 ออกมาโพสต์ ได้อธิบายไว้ว่า จริงๆแล้วทางกองทัพ จะตั้งงบเผื่อเอาไว้ถึง 2 ปี แต่ในส่วนเหตุฉุกเฉินนั้น ไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นที่พอจะช่วยเหลืออะไรได้ ก็ช่วยๆ กัน
ตนมองว่าในวันที่ประเทศชาติมีปัญหา คนที่ออกมาตั้งคำถามโจมตีนั้น ก็ไม่ได้ออกมาพูดว่า "จะไปช่วยทหารทำไม ทหารเขามีงบอยู่แล้ว ในวันนั้นทุกคนก็นิ่งเงียบไม่เห็นออกมาช่วยเหลือหรือทำอะไร" แต่พอวันนี้มีคนเขาออกมาช่วยเหลือ กลับมาตั้งข้อสงสัย
ขนาดเขมร ตอนเกิดเหตุ เขายังออกไปช่วยเหลือทหาร ไม่เห็นมีใครไปตั้งข้อสงสัยคนช่วยเหลือ หรือตั้งข้อสงสัยกองทัพเลย ต่างกับคนไทย ที่กลับมาเล่นคนที่เข้าไปช่วยเหลือซะเอง ซึ่งถ้าสังคมไทยเป็นแบบนี้ ตนเชื่อว่า ต่อไปคงไม่มมีใครกล้าออกไปช่วยเหลือ เพราะเดี๋ยวจะโดนตั้งข้อสงสัย ล่าสุด เจ้าของโรงเหล็ก ที่ จ.นครราชสีมา ตั้งใจจะทำป้อมต่อสู้ให้ทหาร แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ หยุดมอบ ไม่ทำแล้ว
โดยในช่วงนี้ตนขอพักภารกิจแนวหน้าไปก่อน ขอพิสูจน์ตัวเอง เพื่อความโปร่งใส และไม่ทำให้ทหารและตำรวจแปดเปื้อนดราม่าไปด้วย โดยในส่วนโครงการที่ มูลนิธิฯ ยังทำค้างคาไว้อยู่นั้น ก็จะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ ส่วนโครงการใหม่ๆ ต้องพักไว้ก่อน ซึ่งถ้าหากหน่วยงานตรวจสอบทุกอย่างออกมาชัดเจนแล้วว่า ตนทำทุกอย่างโปร่งใส ก็จะกลับไปดำเนินการต่อ เพราะตนยังมีโครงการอีกหลายโครงการที่อยากทำ เช่น การช่วยเหลือเด็ก การบริจาคคอมพิวเตอร์ให้กับเด็ก ตามโรงเรียนที่ต่างจังหวัด และการขุดบ่อบาดาล เพื่อให้ทหารเเละตชด.ได้มีน้ำใช้ที่ชายแดน เป็นต้น
โดยตอนนี้ตนหันมาเป็นพ่อค้าขายของออนไลน์ ซึ่งคิวยาวไปถึง 11:11 แล้ว เเละได้หันมาช่วยเหลือแบรนด์ต่างๆ ในการขายของ ซึ่งตนมองว่าก็เป็นการช่วยเหลือเช่นกัน และกิจกรรมนี้ก็เป็นไปได้ด้วยดี เบื้องต้นเรทการไลฟ์ขายของตอนนี้ อยู่ที่ 35,000 บาท 5 นาที มีแบรนด์มาติดต่อจองคิว โดยวันหนึ่งตนจะไลฟ์ 30-40 แบนด์ โดยมีเงื่อนไขสินค้าต้องปลอดภัยมี อย. และใช้งานได้จริง เริ่มไลฟ์ 15.00 ยาวไปถึง 01.00 น. บางที ก็ 6.00 น. ก็มี
ส่วนประเด็นที่ คุณศรีสุวรรณ จรรยา ออกมาให้กำลังใจตนนั้น ตนอยากฝากขอบคุณทุกคน ที่เข้าใจและยังสนับสนุนตนอยู่ อีกหลายๆ คน เช่น อ.เบียร์ คนตื่นธรรม ซึ่งตนมั่นใจว่าจะได้กลับไปทำภารกิจต่ออย่างแน่นอน เพราะตนทำทุกอย่างโปร่งใส
ส่วน เรื่องรางวัลที่ล่าสุดตนเพิ่งไปรับมาเป็นรางวัลที่เกี่ยวกับบุคคลที่ทำความดีให้กับสังคมตนเองได้ให้ทางทีมงานประสานติดต่อกลับไปว่ายังอยากจะให้ตนรับรางวัลนี้อยู่หรือไม่ แต่ทางเจ้าของงานยืนยัน โดยจากตอนแรกที่ตนรู้สึกหมดไฟการได้รับรางวัลในครั้งนั้นเหมือนเป็นการทำให้ตน กลับมามีไฟในการช่วยเหลือสังคมอีกครั้ง
ส่วนเรื่องบอก การที่กันเติมพลังลงพื้นที่ไปช่วยเหลือสังคมแล้วทำให้คะแนนนิยมเพิ่มสูงขึ้นและอาจจะมีการนำเรื่องนี้ไปช่วยหาเสียงให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่นั้นตนเองขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ฝักใฝ่ในเรื่องของการเมือง และ ในอนาคตตนจะไม่ลงเล่นการเมืองเด็ดขาด
โดยหลังจากที่ให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ได้มีพนักงานไรเดอร์คนหนึ่ง ขับเข้ามาส่งของที่ บริษัทผลิตเกราะพอดี และได้พบกับกัน จอมพลัง ก่อนจะขอกอด กัน จอมพลัง พร้อมให้กำลังใจ
โดยเจ้าตัวบอกว่า ตนไม่สนใจเรื่องกระแสดรามาที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ที่ตนโฟกัสคือ สิ่งที่ กัน จอมพลัง ลงมือทำ ตนในฐานะ FC ของ กันจอมพลัง คนหนึ่ง อยากให้กำลังใจ และขอให้ กันจอมพลัง กลับมาช่วยเหลือสังคมอีกครั้ง วันนี้ตนเข้ามาส่งของ ได้พบกัน จอมพลัง โดยบังเอิญ ก่อนจะขอกอด ซึ่งเขา เข้ามากอดอย่างเป็นกันเอง ทำให้ตนดีใจเเละตื่นเต้นมาก
Advertisement