
วันที่ 27 ต.ค.68 จากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นชาวบ้านตามแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงสันติภาพชายแดนไทย-กัมพูชา กับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมี ดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นสักขีพยาน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาแก้ปัญหาพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา
ซึ่งชาวบ้านตามแนวชายแดนส่วนใหญ่ต่างไม่เชื่อใจกัมพูชา ว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพ โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนัก และการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน เพราะจากการประชุมทำบันทึกข้อตกลงที่ผ่านมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยเห็นกัมพูชาจะปฏิบัติตามเลยสักครั้ง จึงมองว่าการที่นายกฯอนุทิน ไปทำข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้ ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรหากกัมพูชาไม่ทำตาม ยิ่งกังวลว่ากัมพูชาจะเล่นละครตบตา ทำทีถอนอาวุธหนักเพื่อให้ไทยตายใจ และจัดฉากเก็บกู้ทุ่นระเบิดแต่อาจจะแฝงเข้ามาวางทุ่นใหม่มากกว่า ยิ่งจะทำให้ทหารไทยเสี่ยงอันตรายอาจพลาดไปเหยียบกับระเบิดของเขมร ทำให้บาดเจ็บหรือสูญเสียอวัยวะอีก ชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแม้จะไม่อยากให้เกิดการสู้รบกัน แต่มองว่ากับประเทศที่ไม่มีสัจจะ ทางออกเดียวคือสู้ให้รู้แพ้ชนะถึงจะจบปัญหาที่คาราคาซังได้ เพราะตั้งแต่ที่มีการสู้รบกันจนถึงทุกวันนี้ ชาวบ้านตามแนวชายแดนก็ใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงมาตลอด
นายประเคน สายทองทิพย์ และนางอรุณี ศรีประภา ชาวบ้านตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด บอกตรงกันว่า ไม่เคยเชื่อใจเขมรเลยเพราะเมื่อปี 23 เคยหนีตายมาลี้ภัยในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด เมื่อครั้งเขมรแดงแตก คนไทยก็ให้ความช่วยเหลือ แต่กลับมาทำร้ายปล้นสะดมขโมยของชาวบ้าน ก็ไม่แตกต่างจากครั้งนี้ที่มีการทำข้อตกลงสันติภาพ ก็ไม่เชื่อว่าเขมรจะทำตามข้อตกลง โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนักก็คิดว่าแค่รับปากและเล่นละครสร้างภาพว่ามีการถอนอาวุธเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าจะตลบหลังไทยตอนไหน รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็ไม่เชื่อว่าเขมรจะทำจริง อาจจะทำทีเก็บกู้บางส่วน แต่อาจจะแอบวางทุ่นระเบิดใหม่เพิ่ม จึงมองว่าการทำข้อตกลงครั้งนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย หากเขมรไม่มีสัจจะ รัฐบาลไม่ควรหลงกลเขมร ดังนั้นทางออกเดียวที่จะจบปัญหาคือรบให้รู้แพ้ชนะไปเลย ผลเป็นยังไงก็ยึดตามนั้น ชาวบ้านชายแดนจะได้ไม่ต้องอยู่แบบหวาดระแวงแบบนี้
Advertisement