
(24 ต.ค. 2568) ที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ พ.ท.จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 ได้พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมฐาน พร้อมเปิดเผยว่า พื้นที่ "ภูมะเขือ" ที่ตั้งอยู่บริเวณปลายยอดภูเขา เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามเคยใช้เป็นจุดขนส่งยุทธภัณฑ์ผ่านสะพานและกระเช้าเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นมา แต่ขณะนี้ กองทัพสามารถเข้ายึดพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ พร้อมทำลายสะพานและกระเช้าดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันกองกำลังไทยสามารถวางกำลังได้ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณ "พลาญหิน 8 ก้อน" และ "พลาญยาว" ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งอยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทยทั้งหมดเช่นกัน ขณะที่ด้านขวาเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับเขตปราสาทพระวิหารและช่องโดนเอาว์ ซึ่งถือเป็นภูมิประเทศโดยรอบภูมะเขือ
สำหรับพื้นที่ที่ยึดได้รวมทั้งหมดกว่า 25 ฐาน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1.4 ตารางกิโลเมตร การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นความร่วมมือของกองทัพบก กองทัพอากาศ และหน่วยรบพิเศษ ที่ใช้เวลาในการปฏิบัติการระหว่างวันที่ 24 - 28 ก.ค. 2568
พ.ท.จักรกฤษณ์ ระบุว่า ขวัญและกำลังใจของทหารบนภูมะเขือเต็มร้อย ทั้งจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับที่ส่งแรงใจถึงพื้นที่ รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่แสดงการสนับสนุน ผ่านข้อความและสิ่งของส่งถึงกำลังพล ซึ่งถือเป็นพลังใจสำคัญให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง
แม้จะทำลายกระเช้าบนภูมะเขือไปแล้ว แต่กองทัพได้เก็บโครงสร้างบางส่วนไว้เป็น "อนุสรณ์แห่งชัยชนะ" เพื่อให้อนาคต พื้นที่แห่งนี้อาจกลายเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ให้คนไทยได้มาระลึกถึงความเสียสละของผู้ปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้เคยมีกำลังจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ เป็นการแทรกซึมเมื่อช่วงปี 2551 ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ปัจจุบันกองทัพได้เตรียมพร้อมทั้งด้านยุทธวิธี เส้นทางสนับสนุน และกำลังพลอย่างรัดกุม
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม พบว่ามีการเสริมความมั่นคงของที่มั่นและบังเกอร์ รวมถึงการปรับฐานให้แข็งแรงมากขึ้น แต่ฝ่ายไทยยังคงเฝ้าตรวจการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจากจุดยุทธศาสตร์ภูมะเขือ ซึ่งสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม พ.ท.จักรกฤษณ์ ย้ำว่า ไม่มีความกังวลต่อสถานการณ์ในพื้นที่ และยืนยันว่ากำลังพลทุกนายมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด หากมีการเจรจาระดับนโยบายเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา แต่ในภาคสนาม "ทหารไทยจะไม่ถอย และจะไม่ยอมให้พื้นที่ตกเป็นของฝ่ายตรงข้าม"
Advertisement