วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) จากที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โอนเงินเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา และวันนี้ดีเดย์ที่ชาวบ้านในจังหวัดสระแก้ว ใน 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ ตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาดรวมกว่า 14,000 ครัวเรือน ได้รับสิทธิ์รับเงินเยียวยาครัวเรือนละ 2,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 28 ล้านบาท ซึ่งมีบรรยากาศที่ชาวบ้านหลายคนดีใจได้รับเงินเยียวยาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่าเมื่อทีมข่าวอมรินทร์ออนไลน์ได้ไปพูดคุยบ้านหนองหญ้าแก้ว หมู่ 9 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้วมี 2 บ้านไม่ได้รับเงินเยียวยา 2,000 บาทเหมือนกับ ครอบครัวชาวจังหวัดสระแก้วรายอื่นๆ
โดยเราได้พูดคุยกับนายเหลือ บุณพสิษฐโศธิน อายุ 56 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา เนื่องจากตอนที่ชายแดนตึงเครียดได้อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพ 2 วัน ก่อนบอกกับทีมข่าวชัดๆ ว่า เงินเยียวยาผู้อพยพชายแดนที่ตนมีสิทธิ์ยังไม่ออก ซึ่งตนได้ส่งเอกสารทุกอย่างครบหมดราวๆ 2 อาทิตย์แล้ว เมื่อถามย้ำว่าได้ลองเช็กหรือยัง นายเหลือบอกว่าเช็กในข้อความในโทรศัพท์ไม่มีเงินเข้า เบื้องต้นนายเหลือก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไมเงินเยียวยาจำนวน 2,000 บาทถึงไม่เข้า ตนก็อยากจะถามเหมือนกันว่าหรือผู้ใหญ่ทำงานช้าหรือไม่ ซึ่งพอเงินเยียวยาไม่ออก นายเหลือบอกว่า “ท้อใจ มันไม่มีตังค์ใช้” ส่วนตัวได้ยินข่าวว่ารัฐบาลช่วยเหลือแต่เงินก็ไม่ถึงสักที มันก็รู้สึกน้อยใจ ห่อเหี่ยวใจ ลำบาก อยากฝากถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนในการรับผิดชอบเรื่องเงินเยียวยาให้เร่งดำเนินการ “ไม่ใช่ว่าคนไม่ได้กิน หมาเอาไปแดก”
เมื่อถามว่าเงินเยียวยา 2,000 บาท พอใช้จ่ายในครัวเรือนหรือไม่ นายเหลือบอกไม่พอใช้จ่ายช่วงนี้สถานการณ์ชายแดนตึงเครียด และทำมาหากิรอะไรไม่ได้ เสียใจอยู่ ที่ไม่ได้เท่าพื้นที่อื่นที่เขาได้เยียวยากัน 5,000 บาท แบบนี้เหมือนลำเอียง
เมื่อถามถึงวันที่ 10 ตุลาคมนี้ให้เขมรออกจากแผ่นดินไทยได้หรือไม่ นายเหลือมองว่า ไล่ไม่ได้ เขมรมันทำมึนทำชาหมด ต้องให้เขมรมาย้ายคนของเขาออกไป ไม่งั้นจัดการอย่างไรก็จัดการก็แก้ไม่ได้ ตนเคยหากินกับเขมรรู้ดีว่า มันโกง กินนิดกินหน่อยก็เอง ไม่ตรงเหมือนคนไทย
พร้อมฝากบอกนายกฯ ว่า ถ้าทำอะไรก็รีบทำ ถ้าไม่รีบทำมันอยู่อย่างนี้ชาวบ้านก็หากินไม่ได้ก็คาราคาซัง มันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ตนอยากให้นายกฯไทยคนใหม่คุยกับนายกฯ กัมพูชารีบแก้ปัญหาชายแดนเอาให้เสร็จๆ ไปเลย ไว้อย่างนี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละ เพราะยังไงชาวกัมพูชาก็ไม่ไปและไม่หนี ส่วนมาถามว่าอยากให้นายกฯ ลงพื้นที่หรือไม่ นายเหลือ ตอบว่า ถ้ามาก็มาได้ แต่ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้นายกฯ ก็ไม่ต้องมาดีกว่า เพราะผู้ว่าฯ จังหวัดสระแก้วยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย แต่หากนายกฯ แก้ปัญหาชายแดนได้ก็เป็นคนทำงานเร็ว สมัยหน้าได้เป็นนายกฯ ต่อ
เช่นเดียวกับนางวาสนา โสดาจันทร์ อายุ 63 ปี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ยังไม่เห็นเงินเยียวยาเข้าบัญชีเลย แต่ถามจากบ้านตรงข้ามเขามีแอปเงินก็ยังไม่เข้า ถ้าเช่นนั้นบ้านตนกับบ้านตรงข้าม ก็เป็น 2 บ้านที่ไม่ได้เงินเยียวยา โดยช่วงที่ สถานการณ์ตึงเครียด ตนได้อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพอยู่ 2 วัน ซึ่งที่บ้านหนองหญ้าแก้วก็มี 2 ครอบครัวที่อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้เงินเยียวยากรณีอพยพชายแดน
ตนขอฝากถึงรัฐบาลว่าแล้วแต่รัฐบาลจะโอนให้ครอบครัวตนหรือไม่ หรือไม่รู้มีเหตุขัดข้องถึงยังไม่มีการโอนเงินเยียวยา ซึ่งตนก็ทำเอกสารไปครบถ้วน หลังจากนี้คงต้องสอบถามผู้นำชุมชนอีกครััง
ส่วนประเด็นที่ทางกองทัพให้เขมรส่งแผนอพยพภายในวันที่ 7 ตุลาคม แต่เขมรก็ยังไม่ส่งแผนและไม่ยอมย้ายออกนั้น ส่วนตัวแปลกใจ แต่อยากให้ชายแดนสงบเสียที พร้อมทั้งฝากถึงอยากให้รัฐบาลเด็ดขาดและมีการผลักดันชาวกัมพูชาออกไปรวมถึงสร้างรั้วใครรั้วมัน เพราะชาวบ้านจะได้ทำมาหากินเลี้ยงวัว-ควาย ตามปกติ ซึ่งก็อยากให้รัฐบาลช่วยให้ชายแดนสงบ
เมื่อถามความเห็นชาวบ้านว่าในวันที่ 10 ตุลาคมนี่เชื่อหรือไม่ชาวกัมพูชาจะย้ายออกไปจากเขตแดนไทย นางวาสนาถอนหายใจร้องโหย! พร้อมบอกยังไม่มั่นใจเลย ต้องพูดถึงแม่ทัพและผู้ว่าฯต้องมีการผลักดันชาวกัมพูชาออกไปให้ได้ ชาวบ้านคาดหวัง จะให้ชาวกัมพูชาออกจากดินแดนไทยทุกอย่างจะได้ปกติ ส่วนถามว่าถ้าหากภาครัฐไม่จัดการชาวบ้านจะเอามาเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ นางวาสนาตอบว่าจะให้ชาวบ้านทำอะไร ไม่ได้มีปืนหรืออาวุธอะไรเลย ต้องรอแต่ทหาร
ทิ้งท้ายอยากฝากถึงนายกฯ อนุทิน ให้มาดูแลชาวบ้านที่ติดอยู่ชายแดนบ้างมันเดือดร้อน อยู่กินกันอย่างไร ตอนนี้วัวควายก็เลี้ยงไม่ได้เพราะไม่มีที่จะไปเลี้ยง ซึ่งจุดที่เคยไปเลี้ยงวัวควายเขาก็ไม่ให้เข้าไป พร้อมฝากว่า “อยากให้นายกฯผลักดันเขมรเข้าไปในบ้านมันโน้นล่ะ อย่าให้มันมาวุ่นวายกับเขตของเราก็แค่นั้น”
Advertisement