RSV ไข้หวัดใหญ่ ระบาดต่อเนื่อง อาการคล้ายแต่แตกต่าง วิธีสังเกต

RSV ไข้หวัดใหญ่ ระบาดต่อเนื่อง พบมากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เตือน 2 โรคนี้มีอาการใกล้เคียงกัน แต่สามารถสังเกตอาการได้ เพื่อการดูแลผู้ป่วยเหมาะสมถูกวิธี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

RSV ศัตรูตัวจิ๋วของเด็กเล็ก ในช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี

RSV–ไข้หวัดใหญ่ ระบาดคู่ขนาน วัคซีนควรฉีด แต่ต้องเข้าใจข้อจำกัด

ไขคำตอบ ทำไมปีนี้ ไข้หวัดใหญ่ ระบาดมาก ป่วยเพิ่งหายต้องฉีดวัคซีนอีกไหม

กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานการเฝ้าระวัง ไข้หวัดใหญ่ และเชื้อสาเหตุ โรคทางเดินหายใจ (โครงการ Flu-RightSize) โดยการสุ่มเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ สัปดาห์ที่ 37–38 (7–20 ก.ย. 2568)

ผลการเฝ้าระวังฯ พบเชื้อ RSV สูงที่สุด รองลงมา คือ ไข้หวัดใหญ่ จากเชื้อไวรัสกลุ่ม Rhinovirus/Enterovirus
พบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

วิธีป้องกันง่าย ๆ "ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด"

• ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อไอ/จาม หรืออยู่ในที่สาธารณะ

• ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์

• หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย

• หากป่วยควรหยุดเรียน และรีบพบแพทย์ หากมีไข้สูง ไอ หอบเหนื่อย รีบไปพบแพทย์ทันที

ความแตกต่างระหว่าง ไวรัส RSV vs ไข้หวัดใหญ่

ด้าน นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจที่มักพบการระบาดในช่วงฤดูฝน หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสมอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย และเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนได้ง่าย โดยเฉพาะในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานที่ชุมชน

กลุ่มเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังซึ่งอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว แม้ว่าทั้งสองโรคจะมีอาการใกล้เคียงกัน แต่สามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้

ไข้หวัดใหญ่ อาการ

ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ มักมีไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการไอแห้ง และเจ็บคอ

RSV อาการ

ส่วนผู้ป่วย RSV มักเริ่มจากมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล แต่ที่น่ากังวลคืออาการทางระบบหายใจ เช่น หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด (wheezing) โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ทำให้กินนมได้น้อย ซึมลง หรือมีอาการซี่โครงบุ๋มขณะหายใจ หากพบอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที”

ด้าน นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแนะนำเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ได้แก่

1. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอจาม หรืออยู่ในสถานที่แออัดหรือที่ที่มีกลุ่มคนจำนวนมาก

2. หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นประจำ

3. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย

4. หากบุตรหลานมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก หรือซึม ควรหยุดเรียน และรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

คอนเทนต์แนะนำ

ท้อง 5 เดือน ดูดพอดจนปอดไหม้ หมอ 15 คนระดมช่วยรอดตาย ยกเป็นอุทาหรณ์

จัดฟันแฟชั่น หมอยกเคส ลิ้นหัวใจรั่วต้องใช้ลิ้นหัวใจเทียมตลอดชีวิต

พอดจมูก คืออะไร นิโคตินสูง 5% เสี่ยงโรคเกี่ยวกับโพรงจมูกและสมองเพิ่ม