ผู้สื่อข่าวรายงาน (เวลา 09:40 น.) กองทัพบกนำสื่อมวลชนลงพื้นที่แนวรั้วลวดหนามบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อชี้จุดพื้นที่ที่ถูกฝ่ายกัมพูชานำประชาชนมาปักหลักใช้เป็น “โล่มนุษย์” และทำลายแนวรั้วเขตแดนอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย การลงพื้นที่ครั้งนี้นำโดยพันเอกชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเปิดเอกสารและอธิบายรายละเอียดของพื้นที่และสถานการณ์ปัจจุบันต่อสื่อมวลชน
พ.อ.ชัยณรงค์ กล่าวถึงเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อวันที่ 16–17 กันยายนที่ผ่านมา ว่ากลุ่มชาวกัมพูชาพยายามยั่วยุเจ้าหน้าที่ไทย โดยหน้าที่ของทหารคือเสริมแนวรั้วป้องกันแนวเขตที่ถูกทำลาย ส่วนการระงับเหตุและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเป็นหน้าที่ของตำรวจ “ทหารต้องรบกับทหารเท่านั้นเรื่องของประชาชนที่กระทำผิดให้เป็นหน้าที่ตำรวจหากใช้ทหารไปสู้กับประชาชนจะเป็นการเปรียบพร้ำและจะทำให้เราเสียเปรียบในเวทีโลก”
พ.อ.ชัยณรงค์ ระบุว่า ทางการได้พูดคุยกับอีกฝ่ายผ่านพลตรีเชิงตุมแล้ว อีกฝ่ายรับทราบแต่ไม่ยืนยันว่าจะห้ามการปลุกระดมประชาชนในพื้นที่ขณะนี้สถานการณ์เป็นไปตามปกติยังมีชาวกัมพูชาที่หลงเหลือแต่ไม่มีการยั่วยุเพิ่มและกำลังไทยประจำแนวยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติพร้อมยืนยันว่าหากเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นจะจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายไทย
ผบ.ฉก.12 แจ้งด้วยว่า ขณะนี้สามารถยึดคืนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกกลับมาได้ประมาณ 100 ไร่เหลืออีกประมาณ 25 ไร่ ซึ่งการดำเนินการต่อไปจะเป็นไปตามขั้นตอนของการประชุมคณะกรรมการร่วมชายแดน (JBC) ที่จะเกิดขึ้นและชี้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเกณฑ์มวลชนคือกำนันลี ขณะเดียวกันมีบุคคลระดับสูงกว่านั้นที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์จากการยึดคืนพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับกลุ่มธุรกิจของจีนเทาและเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ขยายมาจากปอยเปต
ต่อมา พ.อ.ชัยณรงค์ได้นำสื่อมวลชนไปยังจุดต่างๆรวมทั้งฐานทัพเดิมของกัมพูชาที่รุกล้ำ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง ทางการไทยได้รื้อถอนและผลักดันทหารกัมพูชาให้ถอยร่นออกไปประมาณ 500 เมตร จากนั้นพาสื่อไปยังแนวรั้วลวดหนามในเขตอธิปไตยของไทย ขณะที่ทหารไทยดึงแสลนสีดำออก ให้สื่อดูปรากฏว่ามีประชาชนกัมพูชามายืนสังเกตการณ์และบันทึกภาพรวมทั้งมีสื่อมวลชนฝั่งกัมพูชามาถ่ายทำและโบกมือทักทายสื่อไทยบางพื้นที่มีป้ายข้อความเรียกร้องต่อต้านฝ่ายไทยด้วย
บางช่วงที่สื่อไทยทยอยออกจากพื้นที่มีเด็กชาวกัมพูชารายหนึ่งปีนต้นไม้ยกนิ้วกลางและถ่ายคลิปเหตุการณ์ด้วยโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ไทยไม่ระบุการตอบโต้โดยตรงต่อพฤติกรรมดังกล่าว
สำหรับจุดที่มีการรื้อรั้วลวดหนามของกัมพูชาพบว่ามีเจ้าหน้าที่ ตชด.ควบคุมพื้นที่และแนวลวดหนามบางส่วนยังตั้งอยู่เป็นแนวป้องกัน
พ.อ.ชัยณรงค์ยืนยันด้วยว่าพื้นที่ที่กัมพูชาปักหลักอยู่เป็นอธิปไตยของไทยและคนไทยสามารถทำกินบนที่ดินของตนได้อย่างปลอดภัยภายใต้นโยบายและความพร้อมของผู้บังคับบัญชาโดยจะปฏิบัติด้วยความอดทนอดกลั้นแต่พร้อมปฏิบัติการหากสถานการณ์บานปลาย
Advertisement