วันที่ 19 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย หรือ บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา เพื่อประท้วงเป็นทางการ ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นมิตรของพลเรือนกัมพูชา และการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาละเลย ไม่ห้ามปราม การกระทำดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.เหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 68 พลเรือนกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนไทย พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง จ.สระแก้ว อยู่นอกเขตพิพาท และเป็นอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยพยายามรื้อถอนรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยวางป้องกันตัวเอง พร้อมใช้ไม้เป็นอาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทย พร้อมลักทรัพย์สินทางราชการไทย ทั้งนี้ มีทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่ แต่ไม่ห้ามปรามพลเรือนของตนเอง
2.เหตุการณ์วันที่ 17 ก.ย. 68 พลเรือนกัมพูชา 2 ร้อยคน บุกรุกเข้ามาพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว รื้อถอน รั้วลวดหนามของฝ่ายไทย พร้อมใช้ไม้ ท่อนเหล็ก ก้อนหิน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทยที่เข้าไปห้ามปราม ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ ป้องกันตัวเองตามความเหมาะสม แม้ได้แจ้งให้ทหารกัมพูชา เข้าห้ามปรามประชาชนของตัวเองแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ
3.การกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย และคณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) ด้านกัมพูชา เข้าพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าให้ฝ่ายไทยได้รับทราบ การกระทำดังกล่าว เป็นการละเมิดเงื่อนไข การปฏิบัติคณะIOT ซึ่งกำหนดชัดเจนว่าแต่ละฝ่ายต้องไม่เข้าสู่ดินแดนของประเทศคู่กรณี อีกทั้งยังมีการแทรกแซง ปัญหาชายแดนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกลไก คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (GBC)
จ.สระแก้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนกฎหมายอาญาของไทย การไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง กลไกทวีภาคี ละเมิดวัตถุประสงค์ IOT จ.สระแก้วจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ยุติการกระทำที่ผิดกฎหมาย ของพลเรือนกัมพูชา ในดินแดนไทยทันที
2.ให้ทหารกัมพูชา (ภูมิภาคทหารที่5) ควบคุมพลเรือนของตน ไม่ให้ละเมิดกฎหมายไทย
3.งดเว้นการส่งเจ้าหน้าที่หรือคณะ IOT เข้ามาในดินแดนไทยโดยพลการ
4.ความรู้รบกลไก JBC และกลไก คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) ตามที่ได้ตกลงร่วมกัน
ทั้งนี้ จ.สระแก้วขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนไทย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยังคงยืนยันถึงเจตนารมณ์ ที่จะธำรงค์รักษาสันติ เสถียรภาพ และ ความเป็นเอกภาพของอาเซียน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จากตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวของประชาชน และมวลชน จำนวนประมาณ 150 คน ยังทยอยเดินทางเข้ามาในพื้น และพบพื้นที่โดยรอบ ทางกัมพูชาได้ก่อสร้างเพิงที่พักพิงเพิ่มเติม (อยู่ระหว่างการสร้าง) จำนวนหลายจุด เป็นการร่วมมือกับทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ในการสร้าง
Advertisement