สถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลุ่มภาคกลาง ล่าสุดพบว่าน้ำเหนือที่ไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่จุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ อ.เมืองนครสวรรค์ วัดได้ 2,237ลบ.ม./วิ ระดับน้ำเหนือเขื่อนยกตัวขึ้น 20 ซ.ม. ใน 24 ชม.ล่าสุด วัดได้ 17.19 ม.รทก.(เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) โดยเขื่อนเจ้าพระยาได้คงอัตราการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน 2,000 ลบ.ม./วิ เป็นวันที่ 2 เพื่อให้สอดรับกับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น และสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับรับมวลน้ำจากทางตอนบนของประเทศจากฝนตกหนัก ระหว่างวันที่ 13-15 ก.ย. และลดผลกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมสูง โดยระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัว 20 ซ.ม. ในรอบ 24 ชม. วัดได้ 14.68 ม.รทก.
ทางกรมชลประทานยังคงย้ำเตือน 11 จังหวัดภาคกลาง จ.อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ที่ยังคงต้องเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะยกตัวขึ้นในระยะนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในคลองโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง คลองบางบาล อ.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งริมตลิ่งแม่น้ำน้อยขอให้เฝ้าสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำที่จะยกตัวขึ้น โดยคาดว่าระดับน้ำจะสูงขึ้น 10-30 ซ.ม. ใน 24 ชม. บ้านเรือนริมตลิ่งควรยกของขึ้นที่สูงให้พ้นน้ำ
และล่าสุดผลจากการเพิ่มอัตราการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นจนเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนของ อ.สรรพยา 4 ตำบลคืก ต.ตุหลุก ต.หาดอาษา ต.โพนางดำ ออกส่วนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำระดับน้ำสูง 10-30 ซ.ม. รวมกว่า 100 หลังคาเรือน ทางเทศบาลต้องวางแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ชั้นใน ส่วนชาวบ้านเองก็ขนของขึ้นไปไว้บนที่สูง ส่วนตัวคนเองก็ต้องขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่บนชั้น 2 ของบ้านเป็นการชั่วคราว
Advertisement