เมื่อเวลา 7.30 น. (13 ก.ย. 2568) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยโป่ง รับแจ้งเหตุเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานพลาสติก ในนิคมเอเชีย แยกส้มหล่น ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง กลุ่มควันได้พวยพุ่งขึ้นสูง จากนั้นก็มีเปลวไฟขึ้นตามมาและมีเสียงระเบิดตามมาเรื่อยๆ กลุ่มควันได้เริ่มหนาขึ้นและลมได้พัดไปทางทิศเหนือและทิศใต้ซึ่งพัดเข้าแหล่งชุมชนวัดชากลูกหญ้าและชุมชนห้วยโป่ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครมาบตาพุดลงพื้นใช้รดน้ำจำนวน 10 คัน ซึ่งเป็นรถของทางเทศบาลมาบตาพุดและรถของเทศบาลใกล้เคียง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเติมน้ำอยู่เรื่อยๆ
โดยขณะนี้ควบคุมเพลิงไว้อยู่ในวงจำกัดแต่ยังไม่สามารถเข้าถึงต้นเหตุของเพลิงได้ เนื่องจากโรงงานนี้มีรั้วเป็นเมทัลชีท และตัวโรงงานนั้นเป็นเมทัลชีททั้งหมด จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดับเพลิง ขณะนี้ทำได้เพียงใช้รถน้ำฉีดรอบรอบบริเวณเพื่อไม่ให้เพลิงนั้นขยายวงกว้าง
สอบถาม นายโจ เป็นชาวพม่าซึ่งพูดภาษาไทยได้เป็นล่ามแปลภาษาให้กับ นายละโป๋ อายุ 28 ปี ชาวพม่า คนงานภายในโรงงานเล่าว่า โรงงานนี้เป็นโรงงานรับซื้อถุงพลาสติกเก่าและนำมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งสาเหตุของเพลิงไหม้นั้นเกิดจากไฟได้ไหม้ที่เครื่องจักรก่อน จากนั้นก็ลุกลามจากโรงที่ 1 ไปโรงที่ 2 ที่เป็นโรงรับซื้อถุงพลาสติก ภายในโรงงานมีพนักงานทั้งหมด 8 คน กะกลางคืน 4 คน กะกลางวัน 4 คน ขณะเกิดเหตุตนนอนหลับอยู่ แต่ทั้งหมดสามารถออกนอกพื้นที่ได้ปลอดภัยทุกคน
นายบุญเรือน อายุ 53 ปี ชาวบ้านที่อยู่หน้าซอยโรงงานเล่าว่า โรงงานนี้มีทั้งหมด 2 โรง 1 โรงเป็นรับซื้อพลาสติกเก่าและอีก 1 โรงผลิตเม็ดพลาสติกเป็นถุงบิ๊กแบ็ค เจ้าของโรงงานนั้นเป็นคนจีน เมื่อช่วงเช้าควันได้พวยพุ่งขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงระเบิด ตนรู้สึกตกใจและก็กลัวเหมือนกัน เพราะว่าด้านในเป็นพลาสติกน่าจะควบคุมเพลิงยากและอีกอย่างเป็นสารเคมีด้วย
นายณรงค์ อายุ 62 ปี ชาวบ้าน เผยว่า ตนอยู่ที่บ้านเห็นกลุ่มควันขึ้นมาตอนแรกคิดว่าฝนจะตก แต่จากนั้นกลุ่มควันได้หนาขึ้นเรื่อยๆ ตนจึงเดินออกมาดูก็พบว่าไฟไหม้โรงงานพลาสติกแล้ว ส่วนตัวก็กลัวเหมือนกันเพราะมันเป็นสารเคมี ซึ่งข้างในโรงงานนี้ที่ชาวบ้านรู้กันก็จะรับซื้อถุงพลาสติกเก่าและก็จะนำมาผลิตเม็ดพลาสติกด้วย
นายทวัฒ มีมาก ประธานสภาเทศบาลนครมาบตาพุด เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าประธานชุมชนได้แจ้งตนมาว่ามีเหตุไฟไหม้ที่โรงงานพลาสติกซึ่งมีคนจีนเป็นเจ้าของโรงงาน ขณะนี้เจ้าของโรงงานยังไม่ได้ชี้แจงใดๆ แต่เบื้องต้นชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ซึ่งตนกำลังเฝ้าระวังในเรื่องของมลพิษและพยายามควบคุมเพลิงไม่ให้กระจายวงกว้าง ส่วนในเรื่องของพนักงานของโรงงานนั้นสามารถออกจากโรงงานได้ทุกคน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
Advertisement