เปิดทัศนคติสุดแกร่ง คุณโบว์ ภิญญาพัชญ์ อดีตผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะ 4 เมื่อหัวใจไม่ยอมพ่ายต่อโรคร้าย ในที่สุดเธอก็ชนะมัน โรคอยู่ในภาวะสงบ เผย สัญญาณโรคแรกเริ่ม คันแบบไม่มีสาเหตุ เตือนทุกคนอย่ามองข้าม
คุณโบว์ ภิญญาพัชญ์ เผยถึงสัญญาณความผิดปกติแรกที่เกิดขึ้นกับร่างกายคือ คัน คันมากแบบไม่มีสาเหตุ จากนั้นก็เริ่มป่วยบ่อย แต่เป็นอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีน้ำมูก
จากนั้นก็เริ่ม ตอนนอนจะเหงื่อออกมากในเวลากลางคืน ปกติเราไม่ใช่คนขี้ร้อน เปิดแอร์ปกติ แต่ตื่นมาคือเหงื่อออกเยอะเหมือนอาบน้ำเลย หลังจากนั้นมีก้อนขึ้นที่ใต้รักแร้ข้างซ้าย คลำเจอ 2 ก้อน เราก็ยังเฉยๆ เพราะมันมียุบลง แต่พอไปหาหมอ หมอเขาบอกว่าไหนๆ ก็เห็นเป็นก้อนแล้วขอผ่าไปดูหน่อยแล้วกัน ก็ส่งไปอัลตราซาวด์ พออัลตราซาวด์จากที่คลำเจอ 2 ก้อน แต่ความจริงมันมีมากกว่านั้น
ก็ทำการผ่า แล้วก็เอาไปตรวจมะเร็ง ผลออกมาก็คือเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เราก็ช็อก ก็เสียใจนะ แฟนพี่เพิ่งขอแต่งงานได้ 10 วัน ก่อนมาตรวจเจอมะเร็ง แต่ก็ทำใจ คิดว่าเป็นระยะแรกๆ เป็นก็รักษา แต่หมอบอกว่าเป็น ระยะ 4 แต่เราก็ไม่บอกใครไม่บอกแม่ กลัวแม่จะเป็นอะไร ก็เก็บเรื่องนี้ไว้สองคนกับแฟน ก็รักษาไปตามลำดับขั้นตอน ก็มีให้คีโมไป 12 ครั้ง พอให้ไปครบ 4 ครั้ง ก็ให้ไปสแกนดู จากนั้นก็ให้ต่อจนครบคอร์ส
ให้คีโมครั้งแรก จากนั้นก็แต่งงาน เรื่อยมาจนเข็มที่ 4 พอเข็มที่ 5 ผมก็ร่วง คุณหมอก็มาบอกผลสแกน ผลออกมาดีมาก ก็ให้คีโมต่อไปจนจบ โดยเดือนหนึ่งจะให้คีโม 2 ครั้ง ก็เท่ากับ 6 เดือน หมอเขาก็เอาซีทีสแกนมาให้ดู คือเราก็เป็นเยอะ เป็นทุกต่อมเลยที่มันเป็นต่อมน้ำเหลือง แต่มันมีปัญหาตรงก้อนใต้รักแร้ มันไม่หมดและก้อนใหญ่ ก็ฉายแสงต่อไปอีก 30 ครั้ง พอฉายแสงเสร็จก็ไปสแกน คุณหมอพบว่า เชื้อมะเร็งมันลามเข้าหัวใจ
คุณหมอก็ให้ยามุ่งเป้า ปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพราะเชื้อกลับมาเป็นใหม่ เราต้องย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เพราะโรงพยาบาลนี้ไม่มีเครื่องมือ เขาก็บอกว่าเราต้องให้ยามุ่งเป้า 16 ครั้ง 3 สัปดาห์ให้ครั้งหนึ่ง ซึ่งบอกราคาเรามาก็ช็อกเลย แต่ถ้าย้ายไปอีกโรงพยาบาล ยาต่อเข็มจะประมาณแสนกว่าบาท ก็ตัดสินใจย้ายโรงพยาบาล เพราะยังไงเราก็ต้องไปปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ที่นั่นอยู่แล้ว ก็รักษาตามขั้นตอน สแกน วนอยู่อย่างนี้ ที่สุดเชื้อก็สงบลง วิธีต่อไปคือปลูกถ่ายสเต็มเซลล์โดยใช้เซลล์ของตัวเอง จากนั้นก็ยังต้องให้ยามุ่งเป้าต่อจนจบ
แต่ตอนที่จะเก็บเซลล์ เราจะต้องให้คโมอีกรอบหนึ่งซึ่งมันเป็นตัวแรงกว่าเดิม เพราะต้องทำให้เชื้อมันหมดจริงๆ ต้องเคลียร์ให้หมดจริงๆ
ในตอนแรกที่ให้คีโม ไม่ได้ติดเชื้อนะ เราก็กำลังใจดี ใจคิดว่าก็มาเลย จะรักษายังไงก็มาเลย แล้วก่อนหน้านี้เราเป็นคนที่แข็งแรงมาก พอเก็บสเต็มเซลล์เสร็จ ก็ให้ยามุ่งเป้าต่อจนครบ 16 ครั้ง
เราก็เฟล คิดว่ามันจะหายตั้งแต่คีโม 12 ครั้ง ซึ่งหมอบอกว่าไม่หายนะต้องไปฉายแสง ก็ไปฉายแสง 30 ครั้ง ก็ยังไม่หายอีก มันก็ท้อนะ ทำไมไม่หาย มันเป็นเยอะขนาดนั้นเลยหรอทั้งๆ ที่ตอนนั้นสภาพเราไม่เหมือนคนป่วย มันไม่หายไม่ดีขึ้นแต่เราก็เชื่อคำพูดของหมอ ก็รักษา อย่างตอนเราให้คีโมอยู่ อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ ที่ห้ามเลยก็คือ ผลไม้เปลือกบาง หมอกลัวเรื่องพยาธิ กลัวเรื่องติดเชื้อ ให้กินของสุก สะอาด เนื้อสัตว์กินได้ ทุกอย่างกินได้หมด ไม่กินของดอง กินของแต่ละมื้อคือต้องให้เห็นควันเลยรู้เลยว่ามันร้อน มันสะอาด
พี่ยังไม่อยากตาย มันมีคนที่รักเรามากกว่าชีวิตเขาอีก เห็นเราเจ็บ เขาเจ็บมากกว่า เราก็เลยรู้สึกว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ โรคนี้กำลังใจสำคัญมาก แต่ถ้าทุกคนมาเชียร์อัปมาเป็นกำลังใจให้เรา แต่เรายังไม่รักตัวเอง ไม่ได้ให้กำลังใจกับตัวเอง เราก็จะผ่านจุดนี้ไปไม่ได้ ต่อให้คนอื่นมาบอกเราสู้ๆ นะ ให้หายเร็วๆ นะ แต่ตัวเองไม่สู้มันก็จะไปต่อยาก
สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ ก็ขอให้กำลังใจนะคะ อยากให้คิดว่ามันเป็นได้ก็ต้องหายได้ ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอ อดทนกับสิ่งที่เจออยู่แล้วผ่านมันไปให้ได้ เป็นได้ก็หายได้ ชีวิตเราหลังจากนั้นก็ยังทำอะไรได้อีก
วันที่คุณหมอบอกเราว่ามันสงบ มันเหมือนเราหายเหนื่อย เราก็มาสุดนี่นา มันก็หายได้ จากที่มันระยะที่ 4 ลามไปทั้งตัว ตอนนี้มันเหมือนผ่านความตาย มันผ่านเครื่องมือ ผ่านการรักษาหลายครั้ง หลายขั้นตอน จนมาถึงวันนี้ เรายังหายใจ มันคือที่สุดแล้ว
Advertisement