ในยามที่ชีวิตตกอยู่ในห้วงวิกฤตจากอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉิน ความหวังแรกของผู้คนส่วนใหญ่คือการได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ แต่หากสถานพยาบาลกลับปฏิเสธการรักษา หรือแพทย์เมินเฉยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือ คำถามสำคัญที่ตามมาคือ การกระทำเช่นนี้ “ผิดกฎหมายหรือไม่” และ “แพทย์มีสิทธิ์ปฏิเสธได้จริงหรือ?”
กฎหมายกำหนดหน้าที่แพทย์ไว้อย่างไร?
พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 36 ได้กำหนดหน้าที่ของสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ไว้อย่างชัดเจนว่า
“ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยตามมาตรา 33/1 ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตราย ตามมาตรฐานวิชาชีพและประเภทของสถานพยาบาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ”
กล่าวให้เข้าใจง่ายคือ สถานพยาบาลมีหน้าที่ต้องให้การรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นสถานะของผู้ป่วยหรือเงื่อนไขทางเศรษฐกิจใดๆ
ไม่รักษาฉุกเฉิน มีสิทธิ์ทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่โรงพยาบาลหรือแพทย์ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน จะเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายตามมาตรา 66 ซึ่งระบุบทลงโทษไว้ว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ดังนั้นการไม่ให้การรักษาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ไม่ใช่เพียงความผิดในเชิงจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังถือเป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษทางกฎหมายด้วย
จริยธรรมวิชาชีพแพทย์ก็ไม่อนุญาต
นอกจากกฎหมายแล้ว หลักจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์ยังยืนยันชัดว่า แพทย์ไม่มีสิทธิ์เพิกเฉยต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549 ได้ระบุไว้ใน หมวด 4 ข้อ 28 ว่า
“ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในระยะอันตรายจากการเจ็บป่วย เมื่อได้รับคำขอร้อง และตนอยู่ในฐานะที่จะช่วยได้ เว้นแต่ผู้ป่วยไม่อยู่ในสภาวะฉุกเฉินอันจำเป็นเร่งด่วนและเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยต้องให้คำแนะนำที่เหมาะสม”
ข้อบังคับนี้เน้นย้ำถึง หน้าที่ของแพทย์ในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่ในอันตราย เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนถึงชีวิต และแพทย์ได้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมแล้ว
อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธการรักษาโดยแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน ไม่เพียงแต่ขัดต่อจริยธรรมวิชาชีพ แต่ยังอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษทั้งจำและปรับ แต่หากไม่ใช่กรณีฉุกเฉินแพทย์สามารถใช้ดุลยพินิจในการปฏิเสธได้ แต่ต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบและคำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้ป่วยเป็นหลัก
Advertisement