เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ 1,400 ลบ.ม.ต่อวินาที รอรับมวลน้ำเหนือ ทำให้น้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น เริ่มกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำ นอกคันกั้นน้ำ
วันที่ 1 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทานทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่ทางด้านท้ายเขื่อน เพื่อรองรับน้ำเหนือที่จะไหลลงมาสมทบ อีกทั้งยังมีการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบของพื้นที่ทางด้านท้ายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาปราการด่านสุดท้ายที่เป็นกุญแจสำคัญก่อนน้ำเข้าสู่กรุงเทพฯ
ซึ่งตอนนี้แม้ว่าจะเร่งระบายมวลน้ำก้อนมหึมาที่มาจากอุทกภัยทางภาคเหนือจะเป็นการระบายแบบขั้นบันได แต่ยังมีฝนที่ตกอยู่อย่างต่อเนื่อง คอยเพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้น ตามฤดูกาลจังหวัดท้ายเขื่อนฯบางพื้นที่เริ่มมีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมกันบ้างแล้ว
สำหรับปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2อ.เมืองจ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,489ลบ.ม/วินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยาอ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.21เมตร/รทก.มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่12.46เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 4.24 เมตรและเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่1,399ลบ.ม/วินาที ตรึงการระบายน้ำแตะ1,400ลบ.ม/วินาทีเป็นวันที่สองตามแผนกรมชลประทาน
ปัจจุบันปริมาณน้ำที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อิทธิพลจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักน้ำป่าไหลหลากน้ำจะไหลจากที่ลุ่มสูง (ภาคเหนือ) ลงสู่ลุ่มต่ำ (ภาคกลาง) ตามหลักการไหลของน้ำและภูมิศาสตร์ของประเทศไทยจะเห็นว่าสถานการณ์และผลกระทบจะไล่ระดับลงมาจากจังหวัดเหนือสุดจนถึงจังหวัดที่ต่ำสุด
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้กรมชลประทาน ก็ยังขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำในพื้นที่ 11 จังหวัดของลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ แก่จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครฯ ยังคงต้องเฝ้าติดตามและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.
Advertisement