"พล.ต.ท.เรวัช ”เผยลูกน้อง"บิ๊กโจ๊ก"ต้องชี้แจงเส้นเงินให้ได้
"พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” เปิดเผยกรณีเส้นทางการเงินเครือข่ายพนันออนไลน์เชื่อมโยงลูกน้องใกล้ชิด"บิ๊กโจ๊ก"ต้องชี้แจงให้ได้ถึงที่มาที่ไป เชื่อตำรวจที่ใช้บัญชีตนรับเงินไม่น่ารู้เรื่อง เพราะคงไม่มีใครใช้บัญชีส่วนตัวรับเงินทุจริตที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่มีการพบเส้นทางการเงินของ “มินนี่” เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ เชื่อมโยงกับลูกน้องบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ในส่วนของเส้นทางการเงินนี้ เท่าที่ดูก็พบว่ามีความผิดปกติว่าทำไมจึงไม่มีการใช้บัญชีตนเอง ซึ่งตำรวจที่มีการใช้บัญชีม้าจะต้องชี้แจงรายละเอียดให้ได้ถึงที่มาที่ไปและใช้จ่ายอย่างไร ส่วนที่มีการเชื่อมโยงไปยังบิ๊กโจ๊กนั้น ตนคิดว่าน่าจะมีพยานหลักฐานที่เพียงพอทำให้ศาลออกหมายค้นและหมายจับได้ ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียด แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังถือว่าทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่และยังต้องรอศาลตัดสิน
ในส่วนของเงินส่วนหนึ่งที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ให้โอนเข้าบัญชีของตำรวจ 7 นาย ซึ่งยอดเงินแตกต่างกันออกไป ตนมองในฐานะที่เคยเป็นผู้ปฏิบัติงานมาก่อนว่าอาจเป็นการที่ผู้บังคับบัญชาโอนเงินให้ทีมตำรวจชุดทำงาน ที่จะกระจายกันไปทำงานเพื่อไปหาข้อมูลก่อนซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากินอยู่ เหมือนกับในสมัยตน ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะมีงบราชการลับ เดือนละ 500,000 บาท ซึ่งตนก็จะแจกจ่ายให้ระดับผู้การและรองผู้บัญชาการที่จะคุมทีมไปทำงานเป็นค่าใช้จ่าย
ซึ่งในส่วนนี้ตนคิดว่าตำรวจที่รับเงินทั้ง 7 นาย น่าจะไม่ทราบ เพราะหากทราบก็คงจะไม่มีใครยอมให้เงินทุจริตไหลเข้าบัญชีส่วนตัวของตนเอง
สำหรับตัวบิ๊กโจ๊กเองก็จะต้องชี้แจงให้ได้ว่าทำไมลูกน้องใกล้ชิดถึงไปพัวพันกับเครือข่ายการพนันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจแต่ก็เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นการเตะตัดขาชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.หรือไม่นั้น ตำแหน่งนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีว่าจะเลือกและเสนอใคร ซึ่งเท่าที่ตนทราบก็มีการพูดคุยจบลงไปแล้วว่าใครจะได้เป็น ผบ.ตร.เหลือเพียงการนำเข้าที่ประชุม ก.ตร.ในวันที่ 27 กันยายนนี้เท่านั้น ซึ่งบิ๊กโจ๊กเองก็ไม่ได้อยู่ในโผลุ้นชิงตำแหน่งอยู่แล้ว
ตนจึงไม่คิดว่าเป็นการเตะตัดขากัน เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของทีมทำงานระดับนายพล ที่จะถึงวาระการแต่งตั้งโยกย้ายแล้วเช่นกัน และมีวาระต้องเข้า ก.ตร.ด้วยเช่นกัน จึงต้องรีบแสดงฝีมือให้เข้าตาผู้บังคับบัญชาเพื่อจะได้โยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ
สำหรับอนาคตของบิ๊กโจ๊กนั้นตนก็ยังบอกไม่ได้ ต้องดูที่พยานหลักฐานว่าจะสามารถชี้แจงได้หรือไม่ และหากไม่ผิดก็สามารถที่จะรับราชการทำงานต่อไปได้ ซึ่งก็มีเวลากว่าจะเกษียณในปี 2574 ก็อาจจะได้ลุ้นกลับเข้ามาสิ่งตำแหน่ง ผบ.ตร.อีกครั้ง.
Advertisement
