จากกรณีที่ทาง BLESSINGSTUDIO ได้สร้างความประทับใจครั้งใหญ่จนเป็นไวรัลไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ด้วยการนำเพลงเปิดในตำนานของอนิเมะเรื่อง “โดราเอมอน” อย่างเพลง "เติมเต็มฝันฉันที" มาขับร้องในเวอร์ชันภาษาไทย
สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่านั้นคือ วิดีโอเพลงนี้ได้พาเหล่าตัวละครหลักอย่าง โดราเอมอน, โนบิตะ, ชิสุกะ, ซูเนะโอะ และไจแอนต์ กลับมาพูดคุยทักทาย ถามไถ่ถึงชีวิตที่ผ่านมากับผู้ชม ซึ่งก็คือพวกเราที่เคยดูพวกเขาเมื่อครั้งยังเด็ก และได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้
การรวมตัวของทีมนักพากย์ระดับตำนานทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ น้าติ๋ม (ฉันทนา ธาราจันทร์), น้านิด (ศันสนีย์ วัฒนานุกูล), น้าผึ้ง (ศรีอาภา เรือนนาค), น้าตุ๊ก (อรุณี นันทิวาส) และน้าต๋อย (นิรันดร์ บุณยรัตพันธุ์) เพื่อขับร้องเพลงนี้ จึงไม่ใช่แค่การสร้างความตื่นเต้น แต่เป็นการรื้อฟื้นบทสนทนากับเพื่อนในวัยเด็กที่ส่งผลลัพธ์เชิงบวกต่อจิตใจของเราอย่างลึกซึ้ง
ในโลกของผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ความเครียด และความกดดันจากภาระหน้าที่ การได้หวนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความไร้เดียงสาในวัยเด็กจึงกลายเป็น "เครื่องมือทางจิตวิทยา" ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง วันนี้เราจึงมีเหตุผลดี ๆ มาแบ่งปัน ว่าทำไมผู้ใหญ่จึงควรจะกลับไปดูการ์ตูนเด็กเรื่องโปรดของตัวเองอีกครั้ง เพราะมันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ
1. ลดความเครียดและความกดดัน
ตามหลักจิตวิทยา การดูการ์ตูนเป็นรูปแบบหนึ่งของการหลีกหนี แต่เป็นการหลีกหนีในเชิงบวก (Positive Escapism) ที่ช่วยให้สมองได้พักจากการประมวลผลปัญหาซับซ้อนในชีวิตจริง เมื่อเราได้ด่ำดิ่งสู่โลกแห่งจินตนาการของโดราเอมอน ที่เต็มไปด้วยเรื่องตลก เสียงหัวเราะ และการผจญภัยที่เรียบง่าย สมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารเคมีแห่งความสุขตามธรรมชาติ ลดระดับฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลลงได้
เสียงอันคุ้นเคยของนักพากย์ทั้ง 5 ที่ร้องเพลง "เติมเต็มฝันฉันที" เปรียบเสมือนเสียงจากเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน นำพาความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในวัยเด็กกลับมาซึ่งช่วย "ลดความกดดันทางอารมณ์" ทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
2. ปลุกพลังความหวังและการตามฝัน
ตัวละครอย่างโนบิตะผู้เต็มไปด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ ถึงแม้จะขี้แพ้ในหลายครั้ง หรือโดราเอมอนที่พร้อมใช้ของวิเศษมาช่วยเหลือเพื่อน ๆ เสมอ สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของความหวังและมิตรภาพ การดูเรื่องราวเหล่านี้ซ้ำช่วยกระตุ้น "พลังของเด็กในตัวเรา"
ในวัยผู้ใหญ่ หลายคนอาจจำยอมต่อความล้มเหลวและทิ้งความฝันไว้เบื้องหลัง แต่เมื่อเราได้ฟังถ้อยคำจากเพลง "เติมเต็มฝันฉันที" และได้เห็นเรื่องราวของโนบิตะที่กล้าฝันอีกครั้ง มันเป็นการเตือนใจให้เรารื้อฟื้นความยืดหยุ่นทางจิตใจ และ ความกล้าที่จะล้มเหลว ในแบบที่เราเคยมีเมื่อตอนเด็ก เพราะโดราเอมอนเคยสอนว่า ของวิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ "ไฟฉายย่อส่วน" แต่คือ "พลังแห่งการไม่ยอมแพ้" ที่ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน
3. การเชื่อมโยงทางอารมณ์และความทรงจำ
ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Nostalgia หรือความโหยหาอดีต มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตอย่างมาก การที่ผู้ใหญ่ได้กลับไปดูการ์ตูนที่รักในวัยเด็ก ทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับความทรงจำดี ๆ ในอดีต ซึ่งงานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า การหวนนึกถึงอดีตในแง่บวก สามารถ "เพิ่มความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง" และทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากขึ้น
เสียงของน้า ๆ นักพากย์ในเพลง "เติมเต็มฝันฉันที" จึงเป็นกุญแจสำคัญที่เปิดประตูสู่ห้วงเวลาเหล่านั้น ทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกเชื่อมโยงกับ "ตัวตนในอดีต" ได้อย่างเต็มที่ และตระหนักว่าแม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่แก่นแท้ของความสุขและความฝันในวัยเยาว์ยังคงอยู่ เป็นเหมือนพลังสำรองทางใจที่กระตุ้นให้เรา "ยังคงเดินตามฝันต่อไป" ด้วยความรู้สึกที่ว่า "เราไม่ได้อยู่คนเดียว" ในการเผชิญหน้ากับความท้าทายทุกเรื่องในชีวิต
การ์ตูนเด็กอย่างโดราเอมอนจึงไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กเท่านั้น แต่เป็น "ยาชูกำลังทางจิตวิทยา" ที่ผู้ใหญ่สมควรได้รับ การกลับมาพร้อมเพลง "เติมเต็มฝันฉันที" และเสียงพากย์อันเป็นตำนานจึงเป็นการยื่นมือของเพื่อนเก่าอย่างโดราเอมอน โนบิตะ และผองเพื่อน ที่บอกเราว่า "ไม่ว่าโลกของผู้ใหญ่จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน อย่าลืมที่จะหัวเราะ อย่าลืมที่จะฝัน และอย่าลืมว่าพลังแห่งมิตรภาพและความหวังยังอยู่เสมอ"
Advertisement