
วันที่ 25 ธ.ค. 68 ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชานางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการประชุม GBC ว่า วานนี้ รมว.ต่างประเทศ จัดประชุมทางออนไลน์ สำหรับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่อยู่ทั่วโลกเกือบ 100 แห่ง เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดน โดย รมว.ต่างประเทศได้มอบนโยบายการสื่อสารเชิงรุกในทุกระดับกับประเทศเจ้าบ้าน ทั้งต่อภาครัฐ สื่อมวลชน และภาคเอกชน ให้ได้รับการชี้แจงท่าทีของไทยในช่วงนี้ ที่กำลังพยายามหารือกับฝ่ายกัมพูชาภายใต้กรอบการประชุม GBC
อีกประเด็นสำคัญคือเรื่องของหลักฐาน ซึ่งกระทรวงต่างประเทศได้รวบรวมมาตลอดและประสานกับเหล่าทัพ มีหนังสืออีก 2 ฉบับตามมาเมื่อ 2 วันที่แล้ว ถึงประธานรัฐภาคีออตตาวาในเรื่องของทุ่นระเบิด และหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมด จากการประทะไทยกัมพูชาและยังมีความจำเป็นที่ต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อชี้แจงต่อไป
ส่วนกรณีกระทรวงต่างประเทศอินเดียประท้วงทางการไทย ทำลายรูปเคารพที่เป็นเทพเจ้าทางฮินดู จะชี้แจงอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกับสถานการณ์ นางมาระตี กล่าวว่า กรณีนี้มีความชัดเจน ซึ่งศูนย์แถลงข่าวร่วมจะออกแถลงการณ์ชี้แจงในเรื่องนี้ โดยการดำเนินการของฝ่ายไทยในบริเวณนั้นเป็นเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่เราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลายสิ่งปลูกสร้างที่สะท้อนถึงความเชื่อถือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเราเป็นประเทศที่เคารพในศาสนาทุกศาสนาอยู่แล้วเข้าใจว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นจริงๆ เป็นของประดับด้วยซ้ำ ไม่ใช่สถานที่ศาสนา ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะมีการพูดคุย เพื่อให้เอกอัครราชทูตอินเดียเกิดความสบายใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรนอกเหนือจากการควบคุมสถานที่และบริเวณตรงนั้น
เมื่อถามย้ำว่า ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ ได้มีการชี้แจงเบื้องต้นไปแล้วว่าจากการตรวจสอบไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนใดๆ นางมาระตี พยักหน้าตอบว่า ใช่
ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางทหารก็ตอบรับกับทิศทางกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งหลักๆ แล้วรูปปั้นตรงนั้นไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเหมือนป็นเทวสถานใดๆ เพียงแต่เป็นลักษณะการตกแต่งสถานที่เท่านั้น ตนเข้าใจว่าอาจมีการกระทบกระเทือนสภาพจิตใจของผู้นับถือศาสนา แต่กระทรวงต่างประเทศยืนยันว่าจะขอเวลาไปชี้แจงให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจของแท้มากขึ้นในเรื่องนี้
ส่วนกรณีคนไทยในกัมพูชาถูกรีดไถเงินหัวละ 10,000 บาท ก่อนที่จะไปสนามบินนั้น นางมาระตี ยอมรับว่า มีการตรวจสอบและทราบมาว่ากัมพูชามีการตั้งด่านตลอดถนนที่เดินทาง แต่ในเรื่องของการเก็บค่าอะไรต่างๆ ยังไม่ยืนยัน อาจเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นกับคนๆ เดียว แต่ไม่ยืนยันว่าเก็บเป็นระบบ พร้อมย้ำว่าการตั้งด่านนั้น ตรวจทุกคนไม่ใช่เฉพาะคนไทย ส่วนสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลไทยในกัมพูชา ยังคงอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางกลับทางอากาศ
Advertisement