
นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เปิดฉากออกมาก็จะพูดประโยคเดียวกันกับที่ประกาศกลางสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นลูกใคร และไม่เห็นด้วยกับนโยบายกาสิโน แต่พูดไม่จบและบอกว่าหยอกๆ จากนั้นย้ำว่าไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโนจริงๆ จากนั้นได้พูดถึงนโยบายเรื่องภัยพิบัติ โดยเริ่มจากภัยพิบัติจากธรรมชาติ โดยกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศอยู่ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนต่างๆ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยตระหนักถึงความไม่แน่นอนเหล่านี้ เป็นที่มาของนโยบาย "พร้อมก่อนภัยเคียงข้างไทยทุกสถานการณ์" ซึ่งประเด็นภัยพิบัติมี 2 ส่วน คือ ภัยพิบัติจากธรรมชาติกับภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์ สำหรับภัยพิบัติจากธรรมชาติ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วม ไฟป่า พายุที่รุนแรงขึ้น วันนี้จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ และทำอย่างไรเพื่อให้รู้ทันภัย
นายไชยชนก กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องยกระดับฐานข้อมูลการพยากรณ์ภัยต่างๆ รวมถึงการเสริมอุปกรณ์วิเคราะห์ข้อมูลคือการใช้เอไอ เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พรรคภูมิใจไทยต้องการเปลี่ยนให้การพยากรณ์ภัยเป็นเรื่องใกล้ตัวของประชาชน วิธีการคือต้องเชื่อมหน่วยงานด้วยเทคโนโลยี ทำให้เรื่องเหล่านี้ไม่ต้องผ่านกระบวนการเซ็นอนุมัติ สามารถส่งข้อมูลตรงไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทันที ขณะที่การเข้าถึงประชาชนจะต้องหาพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้ข้อมูลไปถึงมือพี่น้องประชาชนในทุกๆ วัน
ขณะที่ การป้องกันภัยจะเกิดขึ้นได้จากความสามัคคีจากทุกหน่วยงาน และบูรณาการทำงานร่วมกันวางแผน สถานการณ์ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีผลกระทบหลายสิ่ง และมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง และทางออกไม่ใช่แค่เรื่องการลงทุนใช้เม็ดเงินเยอะๆเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องสร้างเส้นเลือดฝอยทั่วประเทศไทยในจุดที่เหมาะสม แต่ไม่ว่าเราจะรู้เท่าทันแค่ไหน แต่ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่เหนือกว่าการที่มนุษย์จะต่อต้านและสู้ได้
ดังนั้น การฟื้นฟูเยียวยาประกันภัยครัวเรือนเกี่ยวกับภัยพิบัติ ควรเป็นสิทธิพื้นฐานของพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนในประเทศไทย นำมาสู่นโยบายกองทุนภัยพิบัติ โดยจะได้รับมากถึง 100,000 บาทต่อครัวเรือน ต่อภัยทั่วประเทศ ซึ่งทำได้แน่นอน
นายไชยชนก ยังกล่าวถึง ภัยพิบัติจากมนุษย์ ซึ่งหนีไม่พ้นภัยจากเครือข่ายสแกมเมอร์ เพิ่มขึ้นมากถึง 50% ในปี 2024 และความสูญเสียให้กับประเทศไทยมากถึง 3% ของ GDP แต่เป็นเสี้ยวเดียวของการรายงานเพราะยังมีพี่น้องประชาชนอีกหลายคน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองโดนหลอก หรือโดนหลอกแต่ไม่กล้ายอมรับ้ ซึ่งความสูญเสียมีมากและใน 2 เดือนที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของนายอนุทินชาญวีรกูล ประสบความสำเร็จ ในการปราบปราม เครือข่ายสแกมเมอร์ ของยิม เลียก แล้วทำลาย MOU ที่เปรียบเสมือนประตูบ้าน ให้จนเข้ามาปล้น และยังได้นำ ไทยเข้าสู่เวทีโลกเพื่อลงนามอนุสัญญา แอนตี้สแกรมเมอร์ Anti scammer ทำให้หลายประเทศ มองไทยเปลี่ยนไป
สำหรับระยะยาว นายไชยชนก กล่าวว่าจะผลักดันนโยบาย e-Document ยกระดับ การทำงานของภาครัฐ สู่ยุคดิจิดัล AI Plus ซึ่งจะนำไปสู่ความโปร่งใสของรัฐบาล และต่อด้วย indication การเชื่อมโยง หน่วยงาน ระหว่างกระทรวงที่สามารถ ใช้ข้อมูลด้วยกันได้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมยกตัวอย่างเช่นการปรับสแกมเมอร์ ที่มีทุกภาคส่วน ใช้ทางกฎหมายร่วมกันและแชร์ข้อมูลกันด้วย นำไปสู่การยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 11,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน
นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้านโยบาย รวมศูนย์ข้อมูล แต่ไม่ใช่การรวมถังข้อมูล แต่จะมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน มี Safety ของแต่ละหน่วยงาน เนื่องจากหากอบรมฐานข้อมูลไว้ด้วยกัน หากรั่วไหลจะไปทั้งหมด ขณะที่ในส่วนของภาคเอกชน จะสนับสนุนให้มี AI เป็นของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนธุรกิจ โดยรัฐบาล จะให้การสนับสนุน ทั้งการยกระดับคุณภาพ และขยายตลาด สุดท้ายคือส่วนของภาคประชาชน เราจะลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึง AI แบบโปรได้
นายไชยชนก กล่าวว่า เข้าใจว่าหลายคนกลัวเรื่องการใช้ AI แต่พรรคภูมิใจไทยจะทำให้การใช้ AI อยู่บนพื้นฐาน ของความปลอดภัย ก่อนจะประกาศว่า หากประชาชนเลือกภูมิใจไทย เราจะทลายสแกรมเมอร์ และไม่มีกาสิโน เราจะรู้ทันภัย แล้วประเทศไทยจะมีสิทธิขั้นพื้นฐาน ในด้านประกันภัยครัวเรือน มากกว่า 100,000 บาทต่อครัวเรือน และจะร่วมกันทรานฟอร์มทุกภาคส่วนของประเทศไทย ในเชิงดิจิทัล ด้วยความรับผิดชอบ และปลอดภัย
Advertisement