Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ณัฐ​พงษ์​" ยังเชื่อ​ลงนาม MOA​ ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา

"ณัฐ​พงษ์​" ยังเชื่อ​ลงนาม MOA​ ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา

13 ธ.ค. 68
20:05 น.
แชร์

"ณัฐ​พงษ์​" ยังเชื่อ​ลงนาม MOA​ ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา​ ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ​ ขอเดินหน้าสู่เลือกตั้งสมัยหน้าคว้า​ 300 เก้าอี้​ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว​

(13 ธ.ค. 2568) พรรคประชาชน จัดกิจกรรม ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจขอไปต่อด้วยกัน” ณ สนามหญ้า มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร โดยมี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีด้วย

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าขอบคุณที่ทุกคนมาเป็นแรงใจช่วยสนับสนุนกัน ขอส่งคำขอโทษถึงทุกคน ไม่ว่าแต่ละคนจะมีความรู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นความรู้สึกผิดหวังในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ หรือความรู้สึกอื่น ๆ ในการตัดสินของพรรคที่เราเดินทางมาร่วมกันไม่ว่าจะเกิดจากความรู้สึกใดก็ตาม ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความรับผิดชอบของตนเองและเป็นความรับผิดชอบของผู้นำพรรคคนปัจจุบัน

ซึ่งตนเองไม่อยากให้ตกอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า ตั้งใจจะส่งคำขอโทษถึงทุกคน แต่อยากชวนทุกคนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเพราะไม่นานจะมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งช่วงต้นเดือน ก.พ. 69 แม้รัฐบาลจะไม่ให้ความชัดเจน มีสถานการณ์บางอย่างที่ยังไม่ได้เคาะวันเลือกตั้ง แต่เหลือเวลาอีกไม่นานที่พวกเราจะต้องชี้ชะตาตัดสินอนาคตของประเทศ จึงหวังว่าเวทีวันนี้จะเป็นการพูดคุยกันแบบเปิดอก เปิดให้สมาชิกพรรคทุกคนรวมถึงประชาชนทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริงมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างเปิดกว้าง

วันนี้เป็นเวทีแรกที่มีหัวหน้าพรรคและอดีตหัวหน้าพรรค 4 คนอยู่ในเวทีเดียวกัน เพราะฉะนั้นทุกคำถามมีคำตอบ รวมถึงการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำอย่างไรให้พรรคประชาชนโดยเสียงของประชาชนมีความเข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนอนาคตของประเทศได้จริง

จากนั้นได้เปิดเวทีให้ สส.พรรคประชาชน อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายรังสิมันต์ โรม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รวมถึงนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนร่วมตอบคำถามประชาชน ด้วย

โดยช่วงหนึ่งที่เปิดให้ประชาชนได้ตั้งถามคำถาม ว่า อยากให้พรรคประชาชนชนะ 300 เสียง เป็นรัฐบาลพรรคเดียว และให้นายณัฐพงศ์เป็นนายกรัฐมนตรี​ และไม่เห็นด้วยกับการเลือกพรรคภูมิใจไทย​ แต่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านทำอยู่ ตอนนี้มีเสียงเย้ยหยันว่า เราโง่ซ้ำซากเราถูกหลอกแต่ตนเองอยากให้กำลังใจ เราจะเป็นหมาหางด้วนเหมือนเขาหรือไม่

ขณะที่ นายณัฐพงศ์ เชื่อว่าการตัดสินใจที่ผ่านมา การตัดสินใจได้มีการสอบถามสมาชิกพรรค ผ่านกระบวนการที่เปิดกว้าง เราทำดีที่สุด สอบถามสมาชิกผู้เป็นเจ้าของพรรคอย่างรอบด้าน หากมองไปข้างหน้า คือจะทำพรรคมวลชนที่ซื่อตรงกับประชาชนตรงไปตรงมา มีดีลอะไรเอามาเซ็นในเอ็มโอเอ กลางบนโต๊ะให้ประชาชนทุกคนเห็น การทำตรงไปตรงมาแล้วถูกฉีกเอ็มโอเอ เสียงสะท้อนบอกว่าตกลงแล้วพรรคนี้ เป็นเด็กน้อยโดนเค้าหลอกอีกหรือไม่ ตนเองไม่เชื่อในการเมืองแบบนั้น เพราะถ้าเราบอกว่าเราจะดีลแบบลับๆ มีอะไรจะได้รู้สึกว่าไม่โดนหักหลัง คุยกันหลังบ้านแบบนั้น คงไม่ใช่ตัวตนของเรา ที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยนายธนาธรนายพิธา นายชัยธวัช สิ่งสำคัญเรามีการประเมินสถานการณ์ รู้ว่ามีความเสี่ยงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่คำตอบคือเราจะป้องกันตัวเองอย่างไร ในอนาคตไม่ให้ถูกหักหลังแบบนี้อีก สำหรับตนเองมีทางเลือกเดียว ในระบบการเมืองไทยที่มีอยู่ ไม่มีทางอื่นนอกจากเอาพลังของเราอิงกับเสียงของประชาชนเท่านั้น

ทั้งนี้ตนเชื่อมั่นในตัวทีมงานในตัวของพวกเราโจทย์การเลือกตั้ง นอกจากจะมาแลกเปลี่ยนความรู้สึกอีกหนึ่งอย่างคือเรามีเรื่องอีกเยอะว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะทำอย่างไรให้เราสามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้

ด้านนายรังสิมันต์ บอกไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน ว่าจะมีการยุบสภา ยอมรับสปิริตไม่อยากให้เรื่องรัฐธรรมนูญจบลงแค่นี้ อยากให้ใช้เวลาจนสุดท้ายของสภาชุดนี้ ยืนยันว่าพรรคประชาชนทำดีที่สุดแล้ว พูดคุยกับทุกฝ่ายแล้ว งานการเมืองไม่ว่าเราจะชอบใครหรือไม่ชอบใคร แต่ถ้าเค้ามีเสียงเราก็ต้องพูดคุย แต่เมื่อพยายามทำอย่างเต็มที่ ณ จุดนี้ ต้องนำไปสู่การเลือกตั้งหรือหาทางออก ให้ได้ ขอโทษพี่น้องทุกคนที่เราจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เราตั้งความหวังไว้

ด้าย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล อดีต ประธานวิปฝ่ายค้าน บอกว่าตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง อยากมาส่งคำขอโทษถึงทุกคนไม่ว่าแต่ละคน จะรู้สึกอย่างไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะรู้สึกผิดหวัง ต่อขบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ เรื่องความรู้สึกอื่นๆในการตัดสินใจที่เกิดขึ้นของพรรค ไม่ว่าจะเกิดความรู้สึกใดก็ตาม ในฐานะผู้นำของพรรคในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้แน่นอนเป็นความรับผิดชอบของตน ของผู้นำพรรค ในยุคปัจจุบัน ไม่อยากให้ทุกคนตกอยู่ในโศกเศร้าวันนี้ตั้งใจจะมาส่งคำขอโทษทุกคน

ขณะ นายณัฐพงษ์ กล่าาว่าเด็กน้อยถูกเค้าหลอกอีกหรือไม่จึงนำขึ้นมาตกลงว่าสิ่งที่สำคัญตอนนั้นเรา​ และสิ่งที่สำคัญเรารู้เราประเมินความเสี่ยงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่ถามว่าคำตอบแล้วเราจะเรียกว่าป้องกันตัวเองอย่างไรในอนาคตไม่ให้เราหักหลังแบบนี้อีกสำหรับผมเหลือทางเลือกเดียวด้วยระบบการเมืองไทยฮ่องกงคนบางคนที่ฉุนรั้งของประเทศลาวต้องเอาพลังเราอิงกับเสียงประชาชนเท่านั้นๆๅ สิ่งที่เราจะต้องมาคุยกันคือทำอย่างไรจะให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้

ด้านนายชัยธวัข บอกไม่รู้จะตอบยังไงอาจจะไม่ได้พูดเรื่อหมา หางด้วน แต่ว่าบทเรียนมีหลายเรื่อง นอกจากเรื่องการตัดสินใจทางการเมือง ของพรรคประชาชนในอนาคต ที่จะทำอย่างไรไม่ผิดพลาด หรือทำให้ผู้สนับสนุนประชาชนที่ให้เสียง มาสูญเสียความไว้วางใจตนคงตอบแทนไม่ได้ เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา สะท้อนว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนมาถึงพรรคประชาชนทมีสิ่งหนึ่งที่ทำอยากให้เกิดขึ้นตั้งแต่หลังรัฐประหาร อยากให้สังคมไทยมีฉันทามติใหม่ ในทางการเมืองเราพูดถึงกฎกติกาที่พอจะยอมรับร่วมกันได้ในกติกาเดียวกันที่ไม่มีใครได้ทั้งหมด ไม่มีใครเสียทั้งหมด แต่ตนคิดว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธ.ค เป็นการส่งสัญญาณว่ามีพลังทางการเมือง พลังทางสังคม แบบของเดิม ที่ระแวงต่อการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ การที่ไม่ถอยแม้ซักก้าวเดียว ต้องใช้ราคาแค่ไหนที่ต้องจ่ายร่วมกัน ไม่ใช่แค่เป็นบทเรียนแต่เป็นโจทย์ที่เกิดขึ้นในใจ

ด้านสมาชิกพรรคบอกว่าพรรคประชาชนไม่ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดของประเทศไทย แต่ที่ผจญอยู่ทุกวันนี้ เกิดจากรัฐประหารบิดเบี้ยวและเหมือนกรงขัง พวกเราวิ่งชนกำแพงในแต่ละวัน คือไม่มีโอกาสที่จะให้พวกเราออกไปข้างนอก จากการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ต่อยอดมาถึงพรรคเพื่อไทย พรรคอนุทิน พรรคเพื่อเทา พวกเราเจ็บปวดจากรัฐประหารและยังมาถูกพรรคที่เราคิดว่าจะเป็นพันธมิตรหักหลัง ตนเป็นเสื้อแดงที่มาเชียร์พรรคส้มเพราะคิดว่านี่คือทางรอดเดียว ของสังคมไทยขอฝากความหวังไว้กับพรรคส้มพรรคประชาชน

พร้อมถามถ้าพรรคภูมิใจไทยใช้ข้ออ้างในการเลี้ยงไข้สงครามกับกัมพูชาแล้วไม่ให้มีการเลือกตั้งพรรคประชาขนจะแก้เกมอย่างไร และถ้าพรรคประชาชนชนะเลือกตั้งได้ 250 เสียงขึ้นไปแล้วเป็นรัฐบาลถามประชาชนคนไทยว่าจะยอมหรือไม่ และถ้าอยากจะเปลี่ยน ต้องไม่เป็นทาส ต้องลุกขึ้นสู้เป็นไทย นอกจากนี้ สมาขิกยังมีการถาม ว่า ระหว่างพรรคแดงกับพรรค น้ำเงินการเลือกตั้งครั้งหน้าจะจับมือกับใคร

ซึ่งแกนนำพรรคบอก ขอให้ชนะเกิน 250 เพื่อที่จะไม่ต้องไปต่อรองกับใคร ขณะ นายรังสิมันต์ เชื่อว่าสถานการณ์สู้รบชายแดนจะไม่ยืดเยื้อจนทำให้ไม่สามารถเลือกตั้งได้ สถานการณ์ที่ความขัดแย้งมันไม่ควรจะเป็นเรื่องที่เอาไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ของใครเลย เรื่องนี้ต้องว่ากันตามสถานการณ์ ในแนวรบที่มีการปะทะกันตามแนวชายแดนจำเป็นต้องปกป้องประชาชนปกป้องอธิปไตย

แต่ในทางการทูตรัฐบาล ก็ต้องใช้ทุกทรัพยากรทุกโอกาสในการทำให้ประเทศไทย มีเพื่อนมากที่สุด และโดดเดี่ยวฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ในเรื่องสกรัมเมอร์ ก็ต้องดำเนินการตัด ท่อน้ำเลี้ยงที่ต้องดำเนินการนี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น หลายคนก็เป็นห่วงหลายคนถ้าคุยนอกรอบ ถ้ายืดเยื้อจะกระทบเลือกตั้งหรือไม่ ถ้ามันมีความขัดแย้งในระดับนั้น นั่นหมายความว่าพี่น้องของเราตามแนวชายแดนอาจจะต้องอยู่ศูนย์อพยแรมเดือน เชื่อผู้ปฏิบัติที่แนวหน้า ไม่น่าจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร มองว่าใครก็ตามที่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เชื่อว่าประชาชนชาวไทยไม่มีใครยอม

โดยช่วงหนึ่งมีการแลกเปลี่ยนความเห็นประชาชน​ น.ส.พัชณีย์ คำหนัก นักเคลื่อนไหวสิทธิแรงงาน กลุ่มสังคมนิยมแรงงาน ตั้งคำถาม​ ถึงจุดยืนการยุติเหตุปะทะชายแดนไทย​ - กัมพูชาของพรรค​ พร้อมกับกล่าวว่า​ การรับฟังขอโทษ​ วันนี้กลายเป็นว่ามาขอโทษที่ไม่สามารถผลักดันรัฐธรรมนูญได้​ แทนที่จะขอโทษที่เลือก​นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ เป็นนายก​รัฐมนตรี​ เพราะการเมืองที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มาจากพวกคุณ​ และเป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง และในอนาคตที่คุณพยายามบอกว่าเราต้องการเป็นรัฐบาล​ ก็ไม่รู้ว่ามีเป้าหมายโหวตเตอร์ใครบ้าง มีฝ่ายชาตินิยมด้วยหรือไม่​ จึงตั้งคำถามว่าเป้าหมายการหาคะแนนเสียงคือใคร​

นาย ณัฐพงษ์​ กล่าวว่า​ สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาตนอยากตั้งคำถามว่าสิ่งที่ต้องการ คือต้องการวิถีชีวิตที่ปกติสุขเป็นตัวตั้ง ก็จะมีคำถามที่ตามมาอีกว่า อยู่ดีๆหากมีคนท้าตีท้าต่อยไม่เล่นตรงไปตรงมา ตามวิถีทางการทหารที่ควรจะเป็น​ เล่นนอกกติกา​ มาทำร้ายเราสิ่งที่มีความชอบธรรมในการทำคืออะไรคือการป้องกันตนเอง ตนขอยืนยันอีก 1 ครั้งว่า​ เราไม่เคยมีใครที่ต้องการการใช้ความรุนแรง เราไม่ใช่ประเทศอันธพาล แต่หากมีคนมาทำร้ายเรา​ เราก็ต้องใช้กำลังในการป้องกันตนเองซึ่งถือเป็นหลักที่สำคัญ​ ที่ต้องยืนให้ตรงกันเสียก่อน แต่ในทางกลับกัน เหตุการณ์อพยพประชาชนตามแนวชายแดนทำให้เกิดความเดือดร้อน​ ซึ่งต้องถามว่าแล้วจะจบตรงไหน​ หากเราไม่ใช้สรรพกำลังที่มีอยู่ในการป้องกันตนเอง หรือดำเนินการทางยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประเทศฝั่งตรงข้ามไม่สามารถมาทำร้ายเราได้อีก​ ปัญหาก็จะเรื้อรังไปเรื่อยๆ การใช้กำลังจะต้องอยู่ภายใต้หลักกติกาสากล กฎการใช้กำลัง พุงเป้าไปที่ภัยคุกคามเฉพาะหน้า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องทำแต่กรอบไม่ควรจะเลยไปกว่าสิ่งที่เรามุ่งหมาย ที่จะไปรุกรานประเทศเขา พรรคประชาชนไม่เคยหนุนหลังในเรื่องการใช้กองทัพที่เกินเลยไปกว่าหลักการป้องกันตนเอง และยึดมั่นในสิ่งที่ต้องการให้ทุกคนมีสันติภาพ

ขณะที่ นายพิธา​ กล่าวว่า ในอดีตที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ ต้องตัดสินใจหลายครั้งบางครั้งตัดสินใจถูก​ บางครั้งตัดสินใจผิดเป็นเรื่องธรรมดาในการเป็นผู้นำองค์กร แต่สิ่งที่ควรจะทำคือการยอมรับในความผิดพลาดและเรียนรู้พยายามพัฒนาตนเองและองค์กรให้ดีขึ้น​ เราขอให้กำลังใจนายณัฐพงษ์​ ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว​ ทุกคนมีโอกาสที่จะตัดสินใจได้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ขึ้นอยู่ว่าจะสามารถยอมรับแบบไม่มีอัตตา​ และอนุญาตให้ประชาชนได้มีโอกาสพูดถึงมัน แล้วนำมาปรับให้เป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้อย่างไร และนำชัยชนะไปสู่พวกเราในอีก 2 ปีแล้วเราจะชนะได้เยอะขึ้นอีกอย่างแน่นอน

ก่อนที่ นายวิโรจน์​ กล่าวว่าเรา​ ต้องการรบเพื่อยุติการรบ​ แต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจว่าภูมิประเทศสำคัญและขีดความสามารถของทางฝั่งตรงข้ามที่จะรุกรานประเทศไทยและทำลายพลเรือน​ จะต้องอยู่ในระดับที่เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า​ หากสามารถควบคุมสถานะการได้ทั้งภูมิประเทศสำคัญ​ และแสงยานุภาพของฝั่งตรงข้าม​ การเจรจาจะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่สมเหตุสมผล​และสันติภาพจะเกิดขึ้น อย่างแท้จริงไม่ใช่ต้องหวาดระแวงอย่างไม่จบไม่สิ้นไม่เช่นนั้นความเป็นอยู่อย่างปกติจะเกิดขึ้นไม่ได้

ขณะที่ นายปิยบุตร​ แสงกนกกุล​ กล่าวว่า​ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 แก้ยากมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่สนับสนุนรัฐบาล ว่าทำอย่างไรจึงจะค่อยๆเปลี่ยน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ทีละนิด จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของตนตั้งแต่เข้าสภาสมัยแรกอนาคตใหม่มี 80 เสียง ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เองไม่ได้ เพราะเสียงไม่ครบ 100 เสียง เพิ่งมาถึงพักก้าวไกล เดี๋ยวเราเยอะมากแต่จะเห็นว่าที่ผ่านมาไม่ได้สักฉบับ เคยแก้ได้แค่ระบบเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเป็นโอกาส เราชั่งน้ำหนักแล้วว่า ระหว่างการที่เราจะไม่สนใจอะไรเลย หรือรอคำถามประชามติ หรือเราจะรอลุ้นอีก เผื่อได้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และได้ทำประชามติ 2 คำพร้อมกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องง้อสว.อีก พร้อมกล่าวว่าขอพูดตรงไปตรงมา การมาง้อเขาครั้งนี้ ครั้งเดียวให้ผ่านวาระ 3 ให้ได้ แต่สุดท้ายพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะอีกนิดเดียวจะถึงเส้นชัย

"รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยากมาก คิดว่าชีวิตนี้คงแก้ไม่ได้ อาจจะต้องใช้วิธีพิสดาร ต้องยึดอำนาจแล้วแก้​ จึงจะสามารถแก็ได้​ แก้ในระบบฝันไปไม่มีทาง​ที่จะหา​ 67 เสียงสว.ได้ เพราะมีข้อจำกัดต่างๆ​ จึงเป็นทางเดียวแค่นี้​ เมื่อทดลองแล้วล้มเหลว​ แต่ถ้าไม่ร่วมทดลองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้หรือไม่​ แต่อย่างน้อยเมื่อทดลอง​ 50:50 ก็จะรู้ว่าได้หรือไม่ได้​"

Advertisement

แชร์
"ณัฐ​พงษ์​" ยังเชื่อ​ลงนาม MOA​ ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา