
(5 ธ.ค. 2568) จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำทีมบุกตรวจโรงงานฆ่าและชำแหละสุกรของบริษัทอาหารรายใหญ่ระดับหมื่นล้านบาท ใน อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี หลังได้รับร้องเรียนต่อเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ว่าได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นรุนแรงและน้ำเสียคุกคามชุมชน
ครั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมบูรณาการกำลังร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมปศุสัตว์ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ตำรวจภูธรบ่อทอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานซึ่งถูกระบุว่าอาจเป็นต้นตอของกลิ่นและน้ำเสียที่ไหลกระทบชุมชน
จากการตรวจเบื้องต้น พบว่าโรงงานมีปริมาณน้ำทิ้งสูงถึงราว 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน สูงกว่าที่ขออนุญาตไว้เพียง 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อีกทั้งยังไม่มีผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษประจำโรงงาน และไม่พบข้อมูลรายงานน้ำเสียในระบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน (รว.) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนเงื่อนไขการอนุญาตตามคำสั่งตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จ่าเอก ยศสิงห์ เปิดเผยภายหลังตรวจสอบว่า แม้โรงงานดังกล่าวจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีมูลค่ากิจการระดับหมื่นล้านบาทและมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และเนื้อสุกรของประเทศ แต่ "ไม่มีอิทธิพลใด ศักดิ์สิทธิ์เหนือกฎหมายได้"
"ต่อให้เป็นบริษัททุนใหญ่แค่ไหน ถ้าปล่อยน้ำเสียเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต หรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ต้องถูกตรวจสอบและชำระความเหมือนกันทั้งหมด กฎหมายไทยมีฉบับเดียว ไม่ได้เขียนให้คนตัวเล็กอีกแบบ คนตัวใหญ่ อีกแบบ" รมช.อุตสาหกรรม กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นขอขยายระยะเวลาปรับปรุงแก้ไขโรงงานต่อสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี แต่จากข้อเท็จจริงที่ตรวจพบในวันนี้ จะถูกนำไปประกอบการพิจารณาสั่งการเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงแบบ "เกาะติด" จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าระบบบำบัดน้ำเสียได้มาตรฐาน และผลกระทบต่อชุมชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนของมาตรการเฉพาะหน้า จ่าเอก ยศสิงห์ ได้สั่งการ ให้โรงงานหยุดเดินเครื่องบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำเสีย พร้อมให้นำน้ำทิ้งจากบ่อบำบัดและจุดต้องสงสัยส่งตรวจทางเคมีอย่างละเอียด หากผลตรวจยืนยันว่าค่ามลพิษเกินมาตรฐาน หรือมีการระบายออกนอกแบบแปลนที่ขออนุญาต จะเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดร่วมกับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"ผมย้ำเสมอว่า หน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม คือทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าโรงงานอยู่กับชุมชนได้อย่างรับผิดชอบ ถ้าดีจริง เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าทำผิด ก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าทุนจะใหญ่ ใจจะโต หรือมูลค่ากิจการจะกี่หมื่นล้านก็ตาม" จ่าเอก ยศสิงห์ กล่าวทิ้งท้าย
การลงพื้นที่ครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องกลิ่นเหม็นและน้ำเสียของชาวบ้านในตำบลบ่อกวางทองเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็น สัญญาณชัด จากกระทรวงอุตสาหกรรมว่า "ยุคอุตสาหกรรมพึ่งพาได้" คือยุคที่กฎหมายต้องคุ้มครองประชาชนเหนืออิทธิพลทุกรูปแบบ
Advertisement