
วันที่ 19 พ.ย.2568 ที่กองทัพไทย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 10/2568 และการตรวจเยี่ยมหน่วยเพื่อมอบนโยบายเป็นแนวทางการปฏิบัติงานส่วนราชการกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้การต้อนรับ
โดย รมว.กลาโหม ได้มอบแนวทางในการปฏิบัติราชการของกองทัพไทย โดยเน้นย้ำเรื่องหลักๆ ได้แก่
-การให้ความสำคัญอย่างสูงสุดกับการถวายความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งการสนับสนุนสำนักพระราชวังและรัฐบาล
ในการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เพื่อถวายพระเกียรติสูงสุด
-ภารกิจเฉลิมพระเกียรติวันที่ 5 ธันวาคม เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และยังเป็นวันชาติ วันพ่อแห่งชาติ รวมถึงวันดินโลกด้วย โดยขอให้เหล่าทัพดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติเช่นกัน
-การปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ โดยขอให้กองทัพไทยเร่งรัดและลงรายละเอียดการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งการประสานกับส่วนราชการภายในและภายนอก
กองทัพ เพื่อให้กองทัพมีความพร้อมสูงสุดในการรับมือกับเหตุการณ์การรุกล้ำอธิปไตย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
พลเอก ณัฐพล ยังเน้นย้ำในเรื่องการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพ หรือ Joint Declaration เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกองทัพที่ต้องทำตอนนี้คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ซึ่งแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือก่อนที่จะเข้าไปปักหมุดชั่วคราว ครั้งที่ 1 ต้องเก็บกู้ทุ่นระเบิดถึงวันที่ 17 พ.ย. 68 ครั้งที่ 2 ปักหมุดชั่วคราวเริ่มตั้งแต่ 19 พ.ย. 68 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ โดยคำว่าปักหมุดชั่วคราวคือบริเวณเส้นเขตแดนจะมีเส้นน้ำเงินและเส้นแดง เราจะไปปักหมุดบริเวณเส้นแดง เมื่อปักหมุดเสร็จแล้วก็จะเป็นขั้นเจรจา ซึ่งภาษาที่ JBC ใช้คือการปรับถือครองที่ดิน หรือก็คือคนกัมพูชาที่อยู่ใต้เส้นแดงต้องออกไป ส่วนการออกไปก็จะมีการเจรจากันว่าจะทำอย่างไร โดยวานนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้
ทั้งนี้ ขั้นตอนปักหมุดชั่วคราว กรรมการทั้งสองฝ่ายน่าจะใช้เวลาคุยประมาณ 1 เดือน ดังนั้นวันนี้เริ่มลงมือการลงมือการปักหมุด น่าจะเสร็จประมาณกลางเดือนธันวาคม หรือไม่เกินสิ้นปีนี้ จากนั้นจะประชุม GBC ในเรื่องการปรับถือครองที่ดิน ว่าชาวกัมพูชาเกือบ 200 ครอบครัว จะทำอย่างไร และในเรื่องนี้ได้แนะนำกับหน่วยต่างๆว่าการปฎิบัติต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ขอให้เชิญ คณะครูสังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพราะจากช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าฝ่ายกัมพูชาจะสร้างสถานการณ์เตรียมพร้อมเอาไว้ และเผยแพร่ข่าวได้ทันที ดังนั้นสิ่งที่ฝ่ายไทยจะเตรียมการได้คือ พยายามเอาชุด AOT เข้าไปสังเกตการณ์ เพื่อเป็นพยานให้กับฝ่ายไทย
พลเอก ณัฐพล ยังบอกด้วยว่า ในที่ประชุมสภากลาโหมวันนี้ ทางกรมข่าวทหารบกได้รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้เน้นแนวทางการปฏิบัติ รวมทั้งอธิบายเพิ่มเติมในเรื่องต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และความรวดเร็วในการดำเนินงานมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้ลงนามยกร่างคำสั่งตั้ง “คณะกรรมการนโยบายความมั่นคงชายแดน” ซึ่งกรรมการประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.ต่างประเทศ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นกรรมการในการประชุมวงเล็ก ที่จะมีการหารือกันก่อนเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกัน หากมีปัญหาก็จะพูดคุยกันก่อน เช่นกระทรวงกลาโหมต้องการให้กระทรวงต่างประเทศตอบโต้หรือชี้แจง ก็จะมีการพูดคุยในที่ประชุมคณะกรรมการชุดนี้ก่อน หรือกระทรวงต่างประเทศจะขอข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมก็จะสามารถใช้ช่องทางของคณะกรรมการชุดนี้ได้ เพื่อให้การทำงานดีขึ้น ซึ่งรูปแบบการทำงานคล้ายกับ ศบ.ทก. ที่ผ่านมา แต่ดีตรงที่ว่านายกรัฐมนตรีนั่ งเป็นประธานเอง ก็ถือว่ามีอำนาจในการตัดสินใจ หากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจก็สามารถมอบให้รองนายกฯ มาประชุมแทนได้
ส่วนการปักหมุดชั่วคราว จะไปขัดแย้งกับท่าทีชะลอการประชุม GBC ก่อนหน้านี้หรือไม่ พลเอก ณัฐพล ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาตนแสดงท่าทีไปแล้วว่าจะขอไม่ประชุม GBC กับทางกัมพูชาจนกว่าจะแก้ไขปัญหาชายแดนได้ และปกติแล้วการประชุม GBC เกิดขึ้นปีละครั้ง ส่วนที่มีการประชุมเพิ่มเติมขึ้นมา 2 ครั้ง เป็นการประชุมในวาระวิสามัญ
ทั้งนี้ การทำงานของ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC จะพูดคุยเฉพาะเรื่องปักปันเขตแดน แต่เมื่อมีเรื่องของคนและกำลังพลมาเกี่ยวข้อง จึงอยากให้มีการประชุม GBC ดังนั้นคณะรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้มีการประชุม GBC และตนก็ไม่ได้ขัดข้องกับคำพูดที่ได้เคยพูดไว้ เพราะเมื่อคณะรัฐมนตรีสั่งก็ต้องปฏิบัติ แต่หากจะมีการพูดคุย GBC ครั้งต่อไป จะพูดคุยเฉพาะในกรอบบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว เท่านั้น ไม่พูดถึงประเด็นอื่นๆ เช่น การถอนอาวุธ
นอกจากนี้ พลเอก ณัฐพล ยังเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชา ดูแลสวัสดิการความเป็นอยู่ของกำลังพลตามแนวชายแดน โดย พลเอก อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม มีความคุ้นเคยกับส่วนราชการต่างๆ จึงประสานการดำเนินการตามนโยบาย “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีสัญญาณโทรศัพท์” เพื่อให้กำลังพลที่ปฏิบัติราชการชายแดน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำทั้ง 8 กองกำลัง แต่ความเร่งด่วนตอนนี้จะให้กับทางฝั่งตะวันออกก่อน โดยในอนาคตก็จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ให้ครบ 8 กองกำลังรอบประเทศ
พลเอก ณัฐพล ได้ขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ทำให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นกับสถานการณ์ชายแดน โดยเฉพาะเวลาที่มีข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ สื่อมวลชนไทยก็จะให้ข้อมูลหักล้างเฟกนิวส์เหล่านั้น ทำให้เชื่อมั่นว่าหากมีเฟกนิวส์จากกัมพูชามา แล้วสื่อไทยทุกสื่อร่วมกันให้ข้อมูลหักล้าง เฟกนิวส์จากกัมพูชาก็จะไม่มีผล
Advertisement