
โฆษกรัฐบาล ย้ำ ผู้นำสหรัฐฯ-มาเลเซีย เข้าใจ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยัน ฃเจรจาภาษีไม่เกี่ยวชายแดนยังเดินหน้าต่อจี้ กัมพูชา ขอโทษคนไทย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่หลายฝ่ายกังวล ว่า การระงับ ปฏิญญา Joint Declaration ส่งผลกระทบกับการเจรจาภาษีสหรัฐ ว่า ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ไล่เรียงเหตุการณ์ให้รับทราบแล้ว ว่า ทั้ง สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ที่ถือเป็นผู้สังเกตการณ์ และสักขีพยานการทำปฏิญญา ในการจะนำประเทศไทย และกัมพูชา ไปสู่สันติภาพ ซึ่งเรื่องแรก ผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ได้ส่งหนังสือมาขอให้ระงับการเจรจาเรื่องภาษีไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมให้เหตุผลว่า ผู้ที่ทำผิดปฏิญญาไม่ใช่ไทย แต่เป็นกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลง มาวางทุ่นระเบิด เท่ากับผิดข้อตกลงในข้อที่ 2 ซึ่งประเทศไทยยอมเรื่องนี้ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า ไทยจะขอเดินหน้าตามแนวทางสันติวิธี โดยจะเดินหน้าต่อได้ ก็ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจ อาทิ ออกมารับผิด และขอโทษกับญาติของผู้เสียหาย รวมถึงคนไทยอย่างจริงใจ และต้องดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้อีก ทั้งเรื่องการให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุนระเบิด และเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ฟังเหตุผลจากนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจ และเมื่อเมื่อคืนนี้ นายอนุทินก็ได้โพสต์ Facebook อีกว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้พูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่ามีความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว และในส่วนของเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาก็ยังมีการเดินหน้าเจรจาต่อไป แยกออกจากเรื่องการจัดการปัญหาชายแดน
นายสิริพงศ์ ยืนยันว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคน มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ รวมถึงอธิปไตยของไทย ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้น นายกรัฐมนตรีได้พยายามแก้ไขปัญหา สิ่งที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด โดยมีแผนดำเนินการอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า บางเหตุการณ์เกิดขึ้นกระทันหัน แต่ก็ได้รับการยืนยันว่า ทั้งมาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา เข้าใจตรงกันแล้ว
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวล ว่า นายกรัฐมนตรี พูดในเชิงท้าทายผู้นำสหรัฐ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือ มาเลเซีย ก็ชัดเจนแล้ว ว่า เรื่องนี้ไม่มีผลอะไร พร้อมย้ำว่า การให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี เป็นการตอบคำถามสื่อมวลชน ในบริบทที่ว่า หากสหรัฐใช้เรื่องชายแดนมากดดันเรื่องภาษี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบไปตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่องนี้ต้องแยกกัน สื่อก็ถามย้ำอีก ว่า หากสหรัฐไม่ซื้อสินค้าจากไทย นายกรัฐมนตรี จึงตอบตามหลักของเหตุผล ว่า มีความจำเป็นต้องหาตลาดใหม่เพิ่ม และภายหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมายืนยัน และชี้แจง ว่า การค้าขายกับสหรัฐมีความจำเป็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหาทางเลือกอื่น เพื่อขยายตลาดให้กับคนไทย
ขณะที่มีกรอบระยะเวลาหรือไม่ ที่จะให้กัมพูชาออกมา นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีกำหนด ทุกเรื่องที่ไทยจะดำเนินการต่อขึ้นอยู่กับกัมพูชา โดยในวันพรุ่งนี้กระทรวงกลาโหม เสนอจะประชุมเสนอแผนดำเนินการใหม่ ที่จะนำมาจัดการกับปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา 6 ข้อ และจะแถลงรายละเอียด ว่า มีความแตกต่างจาก 4 แนวทางแรกอย่างไร รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับภาษีสหรัฐฯ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนไทยจะตอบโต้ข่าวปลอมจากกัมพูชาอย่างไร นายสิริพงศ์ ย้ำว่า หากกัมพูชานำเสนอข่าวที่เป็นเท็จ ไทยก็มีหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่าง ไม่รู้ว่ากัมพูชาจะปล่อยข่าวปลอมอะไรออกมาอีก และไม่รู้ว่าจะป้องกันข่าวปลอมเหล่านี้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่ทำได้ คือ ต้องโต้ตอบให้เร็วที่สุด โดยกระทรวงการต่างประเทศกำลังเดินหน้าทำความเข้าใจกับนานาประเทศ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนรับทราบเรื่องราวเหล่านี้แล้ว รวมถึง คณะผู้สังเกตการณ์ก็ออกมายืนยันชัดเจนว่า เป็นทุ่นระเบิดใหม่ เช่นเดียวกับ สำนักข่าวมาเลเซีย ที่ให้ข้อมูลผิดพลาดก็ออกมาขอโทษแล้ว ถือว่าไทยทำงานได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่า จากนี้สื่ออื่น ๆ จะนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง และครบถ้วน
Advertisement