
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่คณะกรรมการคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการปปง. และมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการปปง. ให้การต้อนรับ
โดย นายฉัตรชัย ได้กล่าวรายงานว่า ขณะนี้สำนักงานปปง. มีการจัดการกับบัญชีม้าไปแล้วกว่า 800,000 บัญชี และมีเงินคงค้างในระบบกว่า 3,000 กว่าล้านบาท ขณะเดียวกันยังรายงานอุปสรรคปัญหาว่า การทำงานของปปง. ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของไทยที่มีกฎหมายเฉพาะอยู่ 2 ฉบับ ซึ่งเป็นมาตรฐานกฎหมายไทย ที่ต้องปฏิบัติตามสากล ซึ่งถือเป็นปัญหาอุปสรรค ขณะเดียวกันอีกหนึ่งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ไม่เท่าทันมิจฉาชีพ ควรจะต้องมี ระบบ AI หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามา เพราะปปง. จะต้องมีฐานข้อมูลรองรับ
โดย นายอนุทิน กล่าวมอบนโยบายว่า ขอบคุณที่ได้เชิญให้ตนมาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้เพราะ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ได้มีโอกาสพบกับทาง ประธานและเลขาอยู่ 2-3 ครั้ง ได้ถามถึงภารกิจต่างๆ พร้อมระบุว่าความเข้าใจตอนแรก ตนเข้าใจว่าหน่วยงานนี้สังกัดกระทรวงยุติธรรม จึงไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้สั่งการโดยตรง หลังจากเข้ามาสังคายนาระบบภายในทำเนียบรัฐบาลก็ทราบว่าปปง. เป็นหน่วยงานที่ ขึ้นตรงกับทางนายกรัฐมนตรี จริงๆ งานของท่านก็มีความสำคัญมากอยู่แล้ว ภารกิจงานของปปง. ได้รับ ความสนใจ ของประชาชนและสังคมมากเป็นพิเศษ เนื่องจากในช่วงนี้ไม่มีอะไรดังไปกว่าสแกมเมอร์ อาชญากรรมทางการเงินทางเทคโนโลยี ซึ่งในธุรกรรมต่างๆ ของมิจฉาชีพ ธุรกิจประเภทนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้กับภารกิจงานของปปง. ที่ต้อง ฟอกเงินเงินให้สะอาด เพราะเงินไม่ใช่เทาแต่ดำ ฟอกอย่างไรก็ไม่สะอาด
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ตนในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานปปง. ต้องยอมรับว่ามีความกดดันจากประชาชนและสังคม ตลอดจนประชาคมนานาชาติ ในเรื่องของการดำเนินการปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสแกมเมอร์ ซึ่งถ้าเราดำเนินการ ไม่เด็ดขาดเต็มที่ ไม่ใช่เฉพาะว่าเราจะถูกตราหน้าว่าเราไม่มีผลงาน แต่สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นก็คือ ถูกคว่ำบาตรและถูกกีดกันและกดดันสิ่งต่างๆ นานาชาติ นี่คือสิ่งที่สำคัญมาก
Advertisement