
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสำเร็จจากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 26–28 ตุลาคม 2568 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมตลอด 3 วัน ของการประชุม เพื่อเสริมสร้างบทบาทของไทยในเวทีภูมิภาคอาเซียนให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังไฮไลต์ภารกิจ การร่วมลงนาม “Joint Declaration” ร่วมกับสมเด็จฯ ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันที่ 26 ต.ค. และ 28 ต.ค. ก็หารือทวิภาคีเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอีกครั้ง โดยไทยและกัมพูชาเห็นพ้องที่จะร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน และความสำเร็จไทยในการใช้ช่องทางการทูตเป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขข้อพิพาท ลดความขัดแย้ง และหากทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้อย่างครบถ้วน ก็พร้อมเริ่มต้นฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนตามแนวชายแดนได้กลับมามีชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงอีกครั้ง
ในเวทือาเซียน นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมประชุมระดับผู้นำ เพื่อเสริมสร้างบทบาทของไทยในเวทีภูมิภาคอาเซียนและผลักดันประเด็นสำคัญในเวทีต่าง ๆ ดังนี้
- การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 (Plenary Session): เสนอ 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การสร้างประชาคมอาเซียนที่มั่นคงปลอดภัย, การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน, และการเสริมสร้างสันติภาพบนหลักกติกา
- การประชุมสุดยอดอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26: เสนอ 3 แนวทางความร่วมมือหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจดิจิทัล, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (EPA และ AKFTA), และอนาคตสีเขียว
- การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 28: เสนอแนวคิด “3 Securities Approach” (ความมั่นคงทางการเงิน ดิจิทัล และของมนุษย์) เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในอนาคต
- การประชุมสุดยอดอาเซียน–จีน ครั้งที่ 28: เสนอ 3 แนวทางเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วน ได้แก่ การบูรณาการเศรษฐกิจ, การรับมือภัยข้ามพรมแดน, และการธำรงสันติภาพในภูมิภาค
- การประชุมสุดยอดอาเซียน–นิวซีแลนด์ สมัยพิเศษ: เสนอ 3 ด้านหลักของความร่วมมือ ได้แก่ ความมั่นคง ความมั่งคั่ง และเพื่อประชาชน พร้อมสนับสนุนแนวคิดตั้ง “ศูนย์อาเซียน–นิวซีแลนด์”
รวมทั้ง พบหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศ และบุคคลสำคัญ ได้แก่
- สมเด็จฯ ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยืนยันความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี และเห็นพ้องการปฏิบัติตามอย่างจริงจังและจริงใจ
- นายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว รวมทั้งการเชื่อมโยงทางทะเลในอาเซียน
- นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
- นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยตอบรับคำเชิญเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–สิงคโปร์
- นายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด การศึกษา และเทคโนโลยี รวมถึงหารือความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลในอินโด-แปซิฟิก
- นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าโดยเฉพาะการค้าสินค้าเกษตร ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าในรอบ 20 ปี นายกรัฐมนตรียังเสนอให้นิวซีแลนด์พิจารณาซื้อข้าวหอมมะลิจากไทยที่มีคุณภาพสูงเพิ่มเติมด้วย
- นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งได้แสดงการสนับสนุนแนวทางสันติวิธีของไทยและชื่นชมบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของไทยในภูมิภาค
- นายคาร์ลอส เฟลิเป้ ฮารามิโย รองประธานธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยยืนยันความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของ World Bank และ IMF
“การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ สะท้อนภาพลักษณ์ของไทยในฐานะ “พลังแห่งสันติภาพในภูมิภาค” อีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการทูตของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ที่พาไทยกลับมามีบทบาทเชิงรุกในเวทีโลก โดยไทยจะใช้ผลลัพธ์ของการลงนาม “Joint Declaration ไทย–กัมพูชา” เป็นต้นแบบในการเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค จากนี้นายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าขยายความร่วมมือเชิงเศรษฐกิจในเวทีเอเปค ระหว่าง 29 ต.ค. - 1 พ.ย. สานต่อแนวทางสันติภาพ มั่นคง และมั่งคั่ง ของภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก” นายสิริพงศ์กล่าว
Advertisement