
(25 ต.ค. 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ว่าคืนนี้ (25 ต.ค.) ตนจะเดินทางไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะได้มีการลงนามในถ้อยแถลงไทย-กัมพูชา ในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) โดยได้มีการประสานงาน และแจ้งถึงเหตุผลความจำเป็นที่ขอร่นเวลาลงนามมาเป็นช่วงเช้า ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ส่วนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ (เอเปก) ที่ประเทศเกาหลีใต้ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ขอเป็นมติครม.คลุมไว้ก่อน ว่าหากตนไม่สามารถไปร่วมประชุมได้จะมอบหมายให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมแทน แต่ก็มีเรื่องที่จะหารือกับผู้นำหลายประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเหมือนกัน ดังนั้น ตนพยายามจะบริหารเวลาให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนจะอยู่ประเทศไทยก่อนแต่เรื่องการต่างประเทศก็มีเรื่องสำคัญหลายเรื่องทั้งเรื่องภาษี การค้า และข้อตกลงที่จะใช้เวทีทั้งอาเซียน และเอเปก เพื่อหารือ
นอกจากนี้ กลุ่มอาเซียน และกลุ่มเอเปก จะมีการเชิญผู้นำที่อยู่นอกกลุ่มมาด้วย และในส่วนของประเทศไทยช่วงนี้ได้รับการร้องขอในระดับผู้นำแบบทวิภาคีหลายราย ทั้งหมดล้วนก่อให้เกิดการพัฒนาความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง การค้า ตนจะพยายามบริหารเวลาให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปประชุมระดับนานาชาติ ซึ่งมีการประชุมติดกันทั้งอาเซียน และเอเปก ทางรัฐบาลก็มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือ สร.2 พร้อมปฎิบัติหน้าที่ และมีตนคอยติดตามงานตลอดเวลา
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน พร้อมด้วยคณะประกอบด้วย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 21.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) โดยมี ดาโต๊ะ ซรี โมฮาเม็ด คาเล็ด นอร์ดิน (Dato’ Seri Mohamed Khaled bin Nordin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย ในฐานะผู้แทนรัฐบาลมาเลเซีย ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
สำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิธีมอบรางวัลอาเซียน (ASEAN Prize) และพิธีลงนามเอกสารรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการ โดยจะใช้โอกาสนี้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมย้ำบทบาทไทย ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในการผลักดันอาเซียนให้คงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือที่ครอบคลุม เพื่อให้ภูมิภาคก้าวสู่ความสงบสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดพบหารือกับ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) เพื่อกระชับความร่วมมือในประเด็นเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาค ก่อนเข้าร่วมพิธีลงนาม "Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand" ว่าด้วยแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของสองประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงความจริงใจของไทยต่อการผลักดันกระบวนการสันติภาพชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวภายหลังพิธีดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกัน
Advertisement