วันที่ 15 ต.ค.2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงภายหลังสมาชิกรัฐสภาอภิปรายจนครบทุกคน ถึงไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทันตามกรอบเวลาในการยุบสภา 4 เดือนว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเป็นอำนาจของรัฐสภา รัฐบาลไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ แต่ขั้นตอนการทำประชามติมีกฎหมายกำหนดชัดเจนว่าให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กำหนดวันลงประชามติ และกำหนดคำถามที่จะถามในประชามติ
ด้วยเหตุดังนี้ จึงต้องกำหนดระยะเวลาหรือไทม์ไลน์ที่เกิดจาก 3 ส่วน คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และ MOA
โดยไทม์ไลน์จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือกรณีใช้พรป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับปัจจุบัน เริ่มนับ 4 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จะไปครบ 4 เดือน ก็จะต้องยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 ซึ่งตามกฏหมายต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันหรือไม่เกิน 60 วัน
ดังนั้นหากยุบสภาตามกำหนด วันที่เหมาะสมในการเลือกตั้งคือวันอาทิตย์ ที่ 29 มีนาคม 2569 สมาชิกรัฐสภาจะต้องจะต้องลงมติในวาระสาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกินวันที่ 15 - 20 ธันวาคม 2568
ส่วนการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีและกกต. จะต้องประกาศการจัดทำมติภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568
กรณีที่ 2 หากมีการประกาศใช้ พรป.การออกเสียงประชามติฉบับที่ 2 และมีการประกาศใช้ กรณีนี้จะทำให้สภามีเวลามากขึ้นในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากกำหนดเวลาทำประชามติภายใน 60 วัน จากเดิม 90 วัน
ดังนั้นหากยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 และมีการเลือกตั้ง และทำประชามติพร้อมกันในวันที่ 29 มีนาคม 2569 รัฐสภาต้องลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ระหว่างในวันที่ 15 - 19 มกราคม 2569
ส่วนการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีและกกต. จะต้องประกาศการจัดทำมติภายในวันที่ 29 มกราคม 2568
ด้าน นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายภายหลังนายบวรศักดิ์ แจ้งไทม์ไลน์การเลือกตั้งและการทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะไทม์ไลน์นี้มีความชัดเจน แต่มีข้อกังวล นิดเดียวเพราะเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.68) ตนได้อภิปรายในเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อไปดูรายละเอียดทั้งหมดกรอบเวลาที่ตนอภิปรายและนำเสนอไปจะเหลื่อมจากที่นายบวรศักดิ์ นำเสนอเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ที่กำหนดการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมวาระ 3 ช่วงวันที่ 15 ถึง 20 ธันวาคม 68 แต่ที่ตนเสนอจะลงมติไม่เกินวันที่ 9 ธันวาคม จึงกำหนดวันลงมติวาระ 3 ไว้ในวันที่ 8 ธันวาคม 68 เพราะดูจากการลงมติในวาระที่ 2 เป็นรายมาตรา นับไปอีก 15 วันจะหมดต้นเดือนธันวาคม ในกรณีถ้ามีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญด้วย และหลังวันที่ 8 ธันวาคม ให้เวลา ประธานรัฐสภาและ ฝ่ายธุรการดำเนินการให้เรียบร้อย จะสามารถส่งหนังสือให้นายกรัฐมนตรี ได้เร็วที่สุดภายใน 3 วัน
จาก ไทม์ไลน์ของนายบวรศักดิ์ ให้เวลา 10 วัน นั่นก็คือวันที่ 12 ธันวาคม 68 รัฐสภาต้องมีมติส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีจัดทำประชามติถามประชาชน คำถามที่หนึ่งและคำถามที่สอง โดยคำถามที่หนึ่ง คือ ว่า ประชาชนเห็นควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
ความหมายคือ ถ้าทำตามนี้ระยะเวลาจะได้ในช่วงของ 90 วัน มีเวลาหายใจ 4-5 วันแรก คิดเผื่อในวันที่ 22 มีนาคม 69 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์เหมือนกัน แต่สุดท้ายคือ 29 มีนาคม 69 ซึ่งเหมาะสมทั้งสองวัน ตรงนี้คือกรณีการทำประชามติตามพระราชบัญญัติออกเสียงประชามติ 2564 ซึ่งใช้เวลา 90 วันไม่เกิน 120 วัน
Advertisement