
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ในการคุยกับนายจุลพันธ์ ได้ขอชะลอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระ 3 ก่อน โดยนายจุลพันธ์ ได้ถามกลับว่า นายณัฐพงษ์ บอกใช่หรือไม่ บอกที่ไหน เพราะนายณัฐพงษ์ บอกว่า เรื่องนี้ยังไม่ใช่ประเด็น แต่ยอมรับว่า มีการร้องขอแบบนั้นจริง ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันในเรื่องจุดยืน ว่า จะเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล แต่พรรคประชาชนได้ร้องขอให้ชะลอ เพื่อรอการลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 แต่ยังไม่มีข้อตัดสินใจ โดยหลังจากนี้ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา จะติดต่อประสานงานพูดคุยกับนายณัฐพงษ์ เพื่อสรุปทิศทางการดำเนินการอีกครั้ง
ส่วนความเป็นไปได้ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังผ่านวาระ 3 นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ทุกอย่าง แต่เราต้องคำนึงถึงทุกองค์ประกอบ และต้องหารือกัน ซึ่งมีการพูดคุยมาแล้วหนึ่งครั้งในเรื่องทิศทางการทำงานของทั้งสองพรรค แต่ตามมารยาทก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร คงต้องประสานงานกลับไปยังพรรคประชาชน แต่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดนี้ และคงเป็นการตัดสินใจภายใน ว่า จะดำเนินการตรวจสอบรัฐบาลอย่างไร เมื่อไหร่ หากพรรคประชาชนตัดสินใจอย่างไร จะร่วมในกระบวนการตรวจสอบ หรือ จะรออย่างไร ก็เป็นอำนาจเป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมือง
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่เหนือความคาดหมาย ทั้งสามคน ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี มีความสนิทสนม รู้มือกันในการทำงาน และไม่ได้ประหลาดใจที่ใช้บุคคลภายใน ก็ขอให้สามารถเดินหน้าได้ตามที่ตั้งหวังไว้ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้กำหนดไว้ว่า จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คาดว่า เป็นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งก็ขอให้รอดดู ว่า จะเป็นที่ประทับใจของประชาชนมากน้อยแค่ไหน
หากพรรคเพื่อไทยเปิดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วจะช่วยดึงกระแสกลับมาได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า มีความเชื่อมั่น ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มีองค์ประกอบที่หลากหลาย มีพื้นหลัง พื้นเพที่มีความแตกต่าง เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ให้ประชาชนในแต่ละกลุ่มได้ ถือเป็นจุดเด่นของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
ส่วนประชาชนจะรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้หยุดนิ่ง ผู้สมัคร สส. ของพรรค กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ และทำงานเชิงรุก เข้าหาประชาชน เพราะคือ DNA ของพรรค การทำงานใกล้ชิด และเข้าถึงประชาชน ถือเป็น DNA ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคน และตั้งแต่ที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่ง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากประชาชน โดยเฉพาะคนที่ยังรัก และศรัทธาในพรรคเพื่อไทยที่ยังมีจำนวนมาก
ส่วนจะทำอย่างไรในการดึงสมาชิกไม่ให้ไหลออกอีก นายจุลพันธ์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นปัญหา ซึ่งเลขาธิการพรรค ทำงานหนักในเรื่องการคัดตัวผู้สมัคร ที่มีคนเข้ามาสัมภาษณ์ และประสงค์เข้ามาสมัครจำนวนมาก คนที่ไปก็ไป คนที่อยู่ก็อยู่ และสู้กันอย่างเข้มแข็ง ไม่มีอะไรน่าห่วง การเลือกตั้งทุกครั้งธรรมชาติ คือ ทุกครั้งจะมีสมาชิกเปลี่ยนหน้า มีทั้งคนเก่า คนใหม่ มีการเข้า - ออก มีการสอบได้สอบตก เป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องการตอบสนองของประชาชน ทั้งตัวบุคคล นโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าตอบโจทย์ได้ทั้งหมดก็ไม่มีประเด็นอะไรน่าห่วงใย เชื่อว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในจุดที่เข้มแข็ง มีจุดเด่น และสามารถที่จะขับเคลื่อนพรรคไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลได้ในที่สุด
Advertisement