วันนี้ (1 ตุลาคม 2568) เวลา16.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวภายหลังนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูต เกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 80 หรือ UNGA 80 และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ
โดยนายนิกรเดช กล่าวว่านายสีหศักดิ์ เป็นผู้บรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูตด้วยตนเอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อมูลการเดินทางไปร่วมการประชุม UNGA ครั้งที่ 80 ย้ำจุดยืนไทยในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และแนวทางในอนาคตว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยวันนี้การบรรยายมีผู้แทนและคณะทูตกว่า 67 ประเทศ และ 5 องค์การระหว่างประเทศ เข้าร่วมรับฟัง รวม 99 คน
นายสีหศักดิ์ กล่าวให้ทราบถึงนโยบายภาพรวมของรัฐบาล แม้จะมีระยะเวลาจำกัด 4 เดือน แต่รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ 4 เดือนนี้เป็น 4 เดือนที่มีความหมาย สำหรับการต่างประเทศของไทย พูดถึงการต่างประเทศที่รอบด้านและต้องอยู่ในทิศทางที่ไทยมีผลประโยชน์ นายสีหศักดิ์ยังได้บรรยายสรุปผลการประชุม UNGA ครั้งที่ 80 ที่ได้แสดงความพร้อมการขยายความร่วมมือกับรัฐสมาชิก ในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ ความร่วมมือด้านสาธารณสุขของโลก ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และแจ้งข้อมูลจุดยืนต่าง ๆ ของไทยในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาด้วย โดยประเด็นสำคัญจากการบรรยายสรุปแบ่งเป็น 3 ข้อ
1.นโยบายต่างประเทศภายใต้รัฐบาลชุดนี้ จะเน้นการปกป้องผลประโยชน์ของไทยและประชาชนไทยด้วยการขับเคลื่อนการทูตเชิงรุกและการทูตเศรษฐกิจ โดยไทยจะเข้าไปมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการร่วมกำหนดระเบียบโลกที่เป็นคุณกับประเทศกำลังพัฒนา การเสริมสร้างเสถียรภาพความมั่นคง เอกภาพการเป็นแกนกลางของอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการต่างประเทศของไทย
2.ไทยจะใช้โอกาสในการเข้าร่วมการประชุม UNGA ครั้งที่ 80 ในการนำพาไทยเข้าสู่จอเรดาร์โลก ย้ำและยึดมั่นในระบอบพหุภาคี การปฎิบัติตนเป็นรัฐสมาชิกที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อประชาคมโลกในประเด็นที่ใกล้ตัว ทั้งเรื่องเมียนมา สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นไกลตัวอย่างสถานการณ์ในยูเครนและตะวันออกกลาง เพื่อแสดงความพร้อมในการขับเคลื่อนวาระโลกที่สำคัญ ทั้งเรื่องสันติภาพ ความมั่นคง การพัฒนาที่ยั่งยืน สิทธิมนุษยชน และการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลก รวมถึงความมั่นคงของมนุษย์
3. สถานการณ์ไทย-กัมพูชา มี 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย ประเด็นแรก ไทยใช้เวที UNGA ครั้งที่ 80 ในการนำเสนอข้อเท็จจริงที่ไร้การบิดเบือนต่อประชาคมโลก รวมถึงการหารือ 4 ฝ่าย ระหว่างสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ไทย และกัมพูชา ทำให้ประเทศต่าง ๆ รับรู้ถึงการดำเนินการอย่างมีวุฒิภาวะ และการดำเนินการอย่างมีหลักการของไทย
ประเด็นที่สอง ไทยย้ำหลายโอกาสว่าความขัดแย้งไม่ได้เป็นที่พึงประสงค์หรือเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยต้องการให้ทั้งสองประเทศกลับสู่สภาวะปกติ พร้อมพูดคุยเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน อย่างไรก็ดีการจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ย่อมต้องอาศัยความจริงใจและความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอดถอนอาวุธหนักจากบริเวณชายแดน และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ประเด็นที่สาม ไทยแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาสร้างสถานการณ์จัดฉากว่าไทยละเมิดข้อตกลงในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงให้ข้อมูลบิดเบือนต่อประชาคมระหว่างประเทศ สะท้อนความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานสำคัญของการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน
ประเด็นที่สี่ ไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เรายังคงยืนหยัดที่จะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ไทยจึงได้ถามฝ่ายกัมพูชาผ่านองค์การสหประชาชาติว่ากัมพูชาจะเลือกเส้นทางใดระหว่างเส้นทางแห่งสันติภาพ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไทยเลือก กับเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าและความสุ่มเสี่ยง
ท้ายที่สุดไทยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะแก้ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายแดนของทั้งสองฝ่าย การจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความจริงใจและความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชา ทิ้งท้าย “ความจริงจะชนะทุกอย่าง ความจริงใจจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้”
Advertisement