Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"พริษฐ์"ย้ำรัฐบาลต้องอยู่สั้นแต่ไม่สร้างความเสียหายจี้เดินหน้าประชามติ

"พริษฐ์"ย้ำรัฐบาลต้องอยู่สั้นแต่ไม่สร้างความเสียหายจี้เดินหน้าประชามติ

30 ก.ย. 68
19:45 น.
แชร์

"พริษฐ์" ย้ำรัฐบาลต้องอยู่สั้นแต่ไม่สร้างความเสียหายที่อยู่ยาว เลี่ยงนโยบาย"ขายของ ขายฝัน ขายสมบัติชาติ"จี้เดินหน้าประชามติรธน.ตามเงื่อนไขMOAเคร่งครัด

วันที่ 30 กันยายน 2568 ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรี พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เป็นผู้อภิปรายสรุปในส่วนของพรรคประชาชน โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลอาจอยู่สั้นแต่ก่อความเสียหายที่อยู่ยาว รวมถึงความสำคัญของข้อตกลงในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตาม MOA กับพรรคประชาชน

พริษฐ์ระบุว่าการอภิปรายคำแถลงนโยบายครั้งนี้ไม่เหมือนกับการแถลงนโยบาย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เพราะตนไม่ได้คาดหวังให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานครบวาระ แต่เป็นรัฐบาลเฉพาะกาล ที่สภาจะอนุญาตให้มีอายุได้ไม่เกิน 4 เดือนหลัง เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ คือมีหน้าที่หลักในการยุบสภาและปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นรัฐบาลเฉพาะลักษณะที่ถูกคาดหวังให้ต้องคงสภาวะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะผ่านกฎหมายในสภาไม่ได้หากฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย จะนอกลู่นอกทางก็ถูกฝ่ายค้านล้มได้

ตลอด 2 วันที่ผ่านมา สมาชิกจากพรรคประชาชน ได้พูดไปเกือบครบถ้วนแล้วว่ารัฐบาลควรทำนโยบายอะไรเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนในระยะ 4 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งสรุปออกมาได้เป็น 3 สงครามที่ต้องแก้ด่วน คือ 

1) สงครามเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลต้องกระตุ้นให้ประชาชนมีกินมีใช้ พวกตนไม่ติดกับการเดินหน้าคนละครึ่งพลัส แต่ควรพลัสให้มีเงื่อนไขที่กระตุ้นให้การบริโภคเพิ่มขึ้นจริง ไม่ใช่แค่การดึงยอดขายจากร้านค้านอกโครงการมาสู่ร้านค้าในโครงการ 

2) สงครามการค้าระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลต้องพยุงให้ผู้ประกอบการลืมตาอ้าปากได้ภายใต้ระเบียบเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน โดยเน้นย้ำไปที่การแก้ปัญหาเรื่องสินค้าสวมสิทธิ บนฐานข้อมูลที่แท้จริงจากภาคเอกชนถึงสภาพปัญหา รวมถึงการดำเนินมาตรการในการป้องกันการทุ่มตลาด ที่ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรมเข้าถึงได้ 

3) สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา ที่รัฐบาลต้องเร่งคืนความปกติที่ปลอดภัยให้ประชาชนโดยเร็ว ที่สำคัญที่สุดคือการทลายกระเป๋าสตางค์และความชอบธรรมในเวทีโลกของผู้นำกัมพูชา ด้วยการการเร่งทลายธุรกิจสีเทาที่หล่อเลี้ยงเครือข่ายดังกล่าว

พริษฐ์กล่าวต่อไปว่า ในเมื่อรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่อายุสั้น สิ่งที่ตนกังวลที่สุด อาจไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะ “ไม่ทำอะไร ที่ควรทำ” แต่คือรัฐบาลจะ “ทำอะไร ที่ไม่ควรทำ” เพราะหากรัฐบาลก่อให้เกิดความเสียหายที่รัฐบาลถัดไปย้อนกลับไปแก้ไม่ได้ อาจจะนำไปสู่สภาวะที่ “รัฐบาลจะอยู่สั้น แต่ความเสียหายอยู่ยาว”

ดังนั้น นโยบายและการกระทำของรัฐบาลจะต้องไม่ทำ 3 อย่าง คือ “ไม่ขายของ ไม่ขายฝัน ไม่ขายสมบัติชาติ”

ปัญหาแรก รัฐบาลต้องไม่ดำเนินนโยบาย “ขายของ” ที่เน้นหาเสียงเลือกตั้งมากกว่าเน้นหาทางออกให้ประเทศ มุ่งเป้าในการสร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาลนี้แต่สร้างภาระและข้อจำกัดให้รัฐบาลชุดถัดไป ไม่ว่าจะเป็นนโยบายลดค่าครองชีพแบบลดแลกแจกแถม แต่ยังขาดรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถลดค่าครองชีพได้จริง โดยไม่ใช่เพียงการเอาภาษีของประชาชนในอนาคตมาทำโปรโมชั่นก่อนเลือกตั้ง

เช่น ตนไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนนโยบายจาก “20 บาทตลอดสาย” มาเป็น “40 บาทตลอดวัน” หรือไม่อย่างไร แต่รัฐบาลต้องรู้ดีว่าตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถผลักดัน พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ให้ผ่าน สว. ออกมาได้ ตราบใดที่นิยามค่าโดยสารร่วยังไม่ชัดเจนและรัฐบาลยังไม่มีกลไกในาการไปเจรจากับเอกชนให้ลดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน สุดท้ายจะลดค่าโดยสาร ใน 4 เดือนนี้ได้ต่อเมื่อเอาภาษีประชาชนในอนาคตไปโปะ ตนไม่รู้ว่ารัฐบาลจะประกาศลดค่าไฟกี่บาท แต่ตราบใดที่นายกรัฐมนตรียังเดินรอยตามอดีตนายกรัฐมนตรี ไปตีกอล์ฟกับนายทุนพลังงาน แต่ไม่พยายามเจรจาเรื่องสัญญาโรงไฟฟ้าเอกชน หรือสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ adder  สุดท้ายก็จะลดค่าไฟไม่ได้เว้นแต่จะเอาเงินภาษีประชาชนมาโปะ

พริษฐ์กล่าวต่อไปว่าข้อกังวลของตนคือรัฐบาลนี้จะอยู่ในตำแหน่งเต็มเพียง 4 เดือน แต่หากนับเฉพาะโปรโมชั่นที่รัฐบาลได้แถลงไปแล้ว คือคนละครึ่งพลัส ตัวเลขบ่งชี้ว่ารัฐบาลนี้กำลังจะใช้ทั้ง 100% ของงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งงบประมาณปี 2569 หรือหากรวมเงินสำรองจ่ายฉุกเฉินในงบกลางไปด้วยก็คิดเป็น 33% ถ้าบวกกับโปรโมชั่นที่จะมีเพิ่มเติมอีกช่วง 4 เดือน ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลชุดนี้จะนำเงินภาษีประชาชนในอนาคตมาหาเสียงล่วงหน้ามากแค่ไหน และรัฐบาลใหม่ถัดไปจะเหลือพื้นที่ทางการคลังเท่าไหร่ในการแก้ปัญหาให้ประชาชน

อีกนโยบายที่สังคมตั้งคำถามว่าเน้นหาเสียงหรือเน้นหาทางออกมากกว่ากัน คือข้อเสนอในการเร่งเดินหน้าทำประชามติ MOU ไทย-กัมพูชาให้เสร็จภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เราคนไทยทุกคนเห็นตรงกันว่าประเทศไทยจะต้องไม่ถูกบีบให้ไปยอมรับแผนที่ที่ทำให้เสียเปรียบในการเจรจาอย่างไม่เป็นธรรม เห็นตรงกันว่า MOU ต้องไม่ใช่เป็นเพียงกระดาษที่ทำอะไรไม่ได้แม้กัมพูชาจะละเมิดข้อตกลงกี่ร้อยครั้ง แต่ถ้ารัฐบาลอยากให้พวกตนเชื่อว่านโยบายนี้คิดมาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพียงเทคนิคหาเสียงกับประชาชนบางกลุ่ม รัฐบาลตอบได้หรือไม่ว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญ MOU ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นประธาน จะศึกษาเรื่องสลับซับซ้อนนี้เสร็จภายใน 4 เดือนได้จริงหรือไม่ มีแผนจะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่รอบด้านใน 4 เดือนได้อย่างไร และในการทำประชามติจะถามกี่คำถาม และหากประชาชนมีมติให้ยกเลิก รัฐบาลจะมีกลไกอะไรมาแทนที่หรือไม่ เพื่อทำให้ไทยได้เปรียบมากที่สุดในเวทีโลก

พริษฐ์กล่าวต่อไปถึงปัญหาที่สองคือนโยบายขายฝัน ที่ชัดเจนที่สุดคือสิ่งถูกระบุไว้ในคำแถลงนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายระดับ พ.ร.บ. อย่างน้อย 8 ฉบับ หลายฉบับเป็นประโยชน์จริง แต่ตนดูไม่ออกว่ารัฐบาลกฎหมายเหล่านี้ให้ทัน 4 เดือนได้อย่างไร เช่น พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ประชาชนรอมาแล้วกว่า 2 ปีหลังเลือกตั้ง แต่ยังไม่มีร่างจากฝ่ายบริหารคลอดออกมา ร่างที่ถูกเสนอโดยพรรคการเมืองและภาคประชาชนก็มีทั้งหมด 6 ร่าง เฉลี่ยร่างละ 113 มาตรา มีความเห็นต่างทั้งเรื่องสิทธินักเรียน คุณสมบัติครู โครงสร้างกระทรวง จะหาข้อสรุปให้ทัน 4 เดือนได้อย่างไร หรือ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้หน่วยงานมีร่างที่รับฟังความเห็นพร้อมแล้ว แต่ร่างนั้นก็มีถึง 200 มาตรา อีกทั้งรัฐบาลจะหยิบร่างนี้มาผลักดันต่อทันทีก็คงไม่ได้ เพราะเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่อยู่ในร่างกับในคำแถลงนโยบายวางเป้าหมายไว้ต่างกันถึง 15 ปี

และยังมีเรื่องของ พ.ร.บ.การพนัน ที่ตนต้องถามว่ารัฐบาลเตรียมร่างใหม่ไว้แล้วหรือยัง เพราะในคำแถลงนโยบายระบุว่ารัฐบาลจะควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้ได้มากที่สุด ซึ่งสวนทางกับร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย สมัย อนุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการ ที่เป็นการเพิ่มอำนาจและดุลพินิจเจ้าหน้าที่ในการปลดล็อกการพนันออนไลน์

พริษฐ์กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น แทนที่รัฐบาลจะใช้เวลาในสภา 4 เดือนข้างหน้าไปกับการผลักดันกฎหมายที่แม้เป็นประโยชน์แต่ทำแล้วก็เสร็จไม่ทัน หรือทันก็จะได้แต่ทางออกแบบครึ่งๆ กลางๆ ตนเสนอให้รัฐบาลคืนเวลามาให้ฝ่ายนิติบัญญัติดีกว่า ให้มาคุยกันเองว่าจะหยิบกฎหมายอะไรบ้างที่เสนอมาแล้วมาผลักดันต่อให้เสร็จภายใน 4 เดือน อาจเป็นฉบับที่มาตราไม่เยอะ ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน และมั่นใจว่าทำได้ทันแน่นอน

ปัญหาที่สามที่รัฐบาลไม่ควรทำ คือการกระทำใดที่เสี่ยงจะเป็นการขายสมบัติชาติ รัฐบาลชุดนี้พูดอยู่บ่อยครั้งว่ารักและต้องการปกป้องชาติ โดยเฉพาะเรื่องเขตแดนและอธิปไตย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นด้วย แต่สิ่งที่ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนเขามีความกังวลใจคือรัฐบาลชุดนี้พร้อมจะปกป้องสมบัติของชาติในมิติอื่นๆ ได้เท่ากับที่พร้อมจะปกป้องเรื่องอธิปไตยและเขตแดนหรือไม่

ตัวอย่างแรกคือทรัพยากรธรรมชาติ ถ้ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีรักชาติจริงและไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลใคร ต้องไม่ปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลกลุ่มใดเอาที่ดินของรัฐมาเป็นของตนเอง ในกรณีเขากระโดง พวกตนจะจับตาดูว่ากรมที่ดินภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีจะทำอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ แต่ถ้านายกรัฐมนตรีรักชาติจริง ก็ต้องสนับสนุนให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเดินหน้าฟ้องศาลยุติธรรมเพื่อเพิกถอนแปลงต่างๆ โดยมีการจัดลำดับความสำคัญ เริ่มที่สองแปลง คือ 3466 และ 8564 ที่ ป.ป.ช. ชี้แล้วว่าออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นของตระกูลใหญ่ในจังหวัดบุรีรัมย์ และกระทบต่อประชาชนทั่วไปในพื้นที่ 

พริษฐ์กล่าวต่อไปว่าสมบัติของชาติที่สำคัญเช่นกันคือสถาบันทางการเมืองที่ใช้อำนาจแทนประชาชน ถ้ารัฐบาลรักชาติจริงและต้องการรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ต้องไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่ถูกพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับการโกง สว. มีที่ยืนในรัฐสภาแห่งนี้ ต้องทำเต็มที่เพื่อไม่ให้กระบวนการสอบสวนมีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจกับ สว. ให้หยุดได้แล้วกับการใช้อำนาจแต่งตั้งองค์กรอิสระและกรรมการ กกต. ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่คดีตนเองยังอยู่ที่ กกต. ต้องพูดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เคยเป็นตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของ สว. ท่านหนึ่ง ต้องไม่แทรกแซงและฟอกขาวให้กับอดีตหัวหน้าตัวเอง

4 เดือนข้างหน้านี้จึงเป็นภารกิจสำคัญของฝ่ายค้าน ที่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ปล่อยให้รัฐบาลที่อายุสั้นนี้ไปสร้างความเสียหายระยะยาว แต่อีกภารกิจสำคัญคือการติดตามการรักษาสัญญาตามเงื่อนไข MOA ในการปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

พวกตนไม่เคยบอกว่ารัฐบาลจะต้องทำเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ตนก็ต้องย้ำว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญว่าตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ คนไทยต้องเผชิญกับสภาวะประชาธิปไตยถดถอย นโยบายล้าหลัง และทุจริตเรื้อรัง สถาบันทางการเมืองมีความยึดโยงกับประชาชนน้อยลงในรัฐธรรมนูญ 2560 ประชาชนเลือก สส. พรรคหนึ่ง สักพักหนึ่งก็ย้ายไปทำงานกับอีกพรรคหนึ่งโดยไม่ขออนุญาตประชาชน ประชาชนเลือก สส. เข้ามาในสภา เลือกรัฐบาลเข้าไปในทำเนียบ แต่ตอนนี้คนที่ถูกมองว่าชี้ขาดว่ากฎหมายอะไรเสนอได้ ทำนโยบายอะไรได้ ใครอยู่ในคณะรัฐมนตรีได้ กลับเป็นตุลาการ 9 คน ในศาลรัฐธรรมนูญ

พริษฐ์กล่าวต่อไปว่านโยบายที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ๆเหมือน 20 ปีก่อน ส่วนหนึ่งก็เพราะรัฐธรรมนูญไปออกแบบให้รัฐบาลไม่มีสมาธิและแรงจูงใจในการคิดค้นนโยบายใหม่ๆ เท่าที่ควร สมาธิต้องใช้ไปกับการต่อสู้กับนิติสงคราม แรงจูงใจก็แทบไม่มีเพราะรัฐบาลอยู่รอดหรือไม่แทบไม่เกี่ยวข้องเลยกับความพึงพอใจของประชาชน แล้วรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกโฆษณาว่าปราบโกง กลับทำให้คะแนนการทุจริตของไทยแย่สุดในรอบ 10 ปี กลไกตรวจสอบถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมือง ส.ต.ง. ทำงานขยันผิดจุด ไล่ล่าครูที่ทำใบเสร็จซื้อเครื่องเขียนหายแต่กลับปล่อยปะละเลยให้ตึกถล่มลงมาได้

พวกตนไม่ได้คาดหวังว่าต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จภายใน 4 เดือน แต่พวกตนก็รับไม่ได้กับข้อความ 3 บรรทัดในคำแถลงนโยบายที่กว้างและเบาหวิว จนไม่ได้สัดส่วนกับข้อเท็จจริงทางการเมือง ว่าความอยู่รอดของรัฐบาลชุดนี้ แปรผันโดยตรงกับความสำเร็จในการผลักดันวาระเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้านายกรัฐมนตรียังอยากเดินหน้าต่อตามเงื่อนไข MOA นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นมายืนยัน 2 เรื่องในที่ประชุมแห่งนี้ คือ

1) นายกรัฐมนตรีต้องยืนยันว่าเป้าหมาย 4 เดือนข้างหน้าของรัฐบาล คือการเดินหน้าสู่การจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้ง โดยนำครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาทำพร้อมกัน และแบ่งออกเป็น 2 คำถาม คือ 1) เห็นด้วยหรือไม่กับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 2) เห็นด้วยหรือไม่กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด15/1 ที่รัฐสภาเห็นชอบมา โดยต้องชี้ให้ชัดว่าพรรครัฐบาลและสมาชิกรัฐสภาในซีกรัฐบาลทุกคนจะทำเต็มที่ตามโรดแม็ปนี้ เพื่อให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3 พรรคที่เสนอเข้ามาผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 ภายในวันที่ 14-15 ตุลาคม ทำเต็มที่ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ทำงานเต็ม 2 เดือน ส่งร่างกลับมาและพิจารณาให้เสร็จในวาระที่ 2-3 ภายในสิ้นเดือนธันวาคม และนายกรัฐมนตรีต้องยืนยันว่าจะใช้เวลาหลังปีใหม่ทำงานร่วมกับ กกต. เพื่อเตรียมความพร้อมและกำหนดวันประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง ก่อนจะยุบสภาในสิ้นเดือนมกราคม

2) แค่เสร็จทันเวลาอย่างเดียวไม่พอ ถ้ารัฐบาลต้องการทำให้ภารกิจเรื่องรัฐธรรมนูญสำเร็จตามเงื่อนไข MOA นายกรัฐมนตรีต้องยืนยันด้วยว่าจะสนับสนุนโมเดล สสร. และกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีประชาชนอยู่ในสมการ หากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มบอกว่า สสร. เลือกตั้งไปต่อได้ นายกรัฐมนตรีก็ต้องสนับสนุนเต็มที่ แต่ถึงแม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มจะทำให้ สสร.เลือกตั้งไปต่อได้ยาก นายกรัฐมนตรีก็ต้องไม่ฉวยโอกาสโดยการเอาคำวินิจฉัยนั้นมากดดันให้รัฐสภาต้องเห็นชอบกับโมเดล สสร. ที่ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนออกเกินจำเป็นและไปเพิ่มช่องโหว่ให้เกิดการฮั้วและกินรวบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้

พริษฐ์กล่าวต่อไปว่าการที่นายกรัฐมนตรีจะลุกขึ้นมายืนยันทั้งโรดแม็ปและหลักการ สสร. จะไม่เป็นเพียงแค่การยืนยันว่ารัฐบาลจะยังรักษาสัญญาตาม MOA ที่ทำไว้กับพรรคประชาชน แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้สื่อสารโดยตรงกับสมาชิกวุฒิสภา ที่ถือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ภารกิจในการโน้มน้าว สว. เป็นภารกิจของ สส. ทุกคน แต่บุคคลที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดหนีไม่พ้นบุคคลที่ชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่นายกรัฐมนตรี แต่ยังเป็นบุคคลที่ใจตรงกันกับ สว. ในหลายเรื่องและลงเรือลำเดียวกันกับ สว. ในหลายเหตุการณ์

แม้นายกฯจะปฏิเสธความสัมพันธ์ดังกล่าว แต่ประชาชนเขาทราบดี ว่าความร่วมมือของ สว. ในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือตัวชี้วัดความจริงจังและความจริงใจของนายกรัฐมนตรีในวาระรัฐธรรมนูญ ความหวังของประชาชนจำนวนมากต่อการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และอนาคตประเทศไทยอยู่ในมือนายกรัฐมนตรี ประชาชนหลายคนยังไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะแปรสภาพความหวังของเขาให้เป็นจริงได้ แต่นายกรัฐมนตรีเริ่มต้นได้วันนี้ด้วยการลุกมาชี้แจงและโน้มน้าวประชาชนให้ได้ ว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้มองเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเพียงภาระที่ต้องทำให้เสร็จๆ ไปตามเงื่อนไข MOA แต่เป็นวาระที่สำคัญในการซ่อมประเทศ และสร้างอนาคตที่ดีให้กับคนไทย

Advertisement

แชร์
"พริษฐ์"ย้ำรัฐบาลต้องอยู่สั้นแต่ไม่สร้างความเสียหายจี้เดินหน้าประชามติ