(29 ก.ย. 2568) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วาระเรื่องด่วน 1 คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม ทันตแพทย์หญิง ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขาดวิสัยทัศน์ และจุดยืนของผู้นำในเวทีโลก แม้จะมีความจำเป็นต้องตอบโต้กัมพูชาในเวทีสหประชาชาติ (UN) แต่การทะเลาะต่อหน้าชาวโลกทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยขาดความน่าเชื่อถือในสายตานานาประเทศ ดังที่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ว่า "สันติภาพคือทุนที่สำคัญ" ความขัดแย้งยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ กระทบต่อการค้าการลงทุนและคุณภาพชีวิตของ ประชาชน
รัฐบาลนายอนุทินมีนโยบายเร่งแก้ปัญหากรณีพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพผ่านกลไกการเจรจาทางการทูต ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง แต่จุดยืนของผู้นำไทยยังไม่ชัดเจน กลับไปกลับมา ไม่เห็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองระหว่างประเทศภาพรวม ต้องนำปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่นภูมิศาสตร์การเมืองโลก และความเป็นครอบครัวอาเซียนมาพิจารณาร่วมด้วย
ขณะที่กัมพูชาเดินเกมรุก สร้างสถานการณ์เพื่อยกระดับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไปสู่ในเวทีนานาชาติ กล่าวหาไทยว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รุกล้ำพื้นที่สิทธิ์ใช้อาวุธต่อพลเรือนกัมพูชา เพื่อสร้างภาพวาดไทยเป็นฝ่ายโจมตีก่อน แต่ในข้อเท็จจริงกัมพูชารุกล้ำพื้นที่อ้างสิทธิ์ รุกล้ำเขตแดนไทย ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารโจมตีโรงพยาบาลพื้นที่ชุมชนจนมีพลเรือน และเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต อีกทั้งทหารกัมพูชายังจัดตั้งกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เด็กและผู้หญิงเป็นโล่มนุษย์
ที่ผ่านมารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เน้นจุดยืนของประเทศ โดยการรักษาสันติภาพ เคารพ และปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศตามหลักมนุษยธรรมและข้อตกลงหยุดยิงต่อประชาคมโลกมาโดยตลอด ประเทศใหญ่ไม่เคยรังแกประเทศเล็ก แต่ตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและปกป้องชีวิตประชาชนตามสัดส่วนที่เหมาะสม ในเวทีต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องผ่านเวที UNGA และ UNSC และเพื่อไม่ให้ประเทศไทยเพลี่ยงพล้ำด้านการเมืองระหว่างประเทศรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ได้กดดันกัมพูชาในสิ่งที่กัมพูชาทำผิดจนยอมกลับมาเจรจาทวิภาคีได้ ทั้งที่ช่วงแรกผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการเจรจาของสองฝ่ายมาโดยตลอด ตนเองเห็นว่ารัฐบาลของนายอนุทิน จำเป็นจะต้องมียุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศในเชิงรุกที่ชัดเจน ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างสองประเทศ จึงต้องสื่อสารข้อเท็จจริงที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำ ละเมิดทั้ง MOU 2543 และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ทั้งนี้การเจรจาสู่สันติภาพ รัฐบาลไทยจะต้องให้กัมพูชาจำนนต่อหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ สร้างความได้เปรียบในการเจรจาเพราะสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับความยุติธรรมจากการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมก่อน แต่ตั้งแต่นายอนุทินเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ตนเองยังไม่เคยได้ยินนายอนุทินประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของกัมพูชาแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่งวันนี้ที่แถลงนโยบายก็ไม่มีการเดินหน้าเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด นายกฯ ต้องฟังคำแนะนำของกระทรวงการต่างประเทศให้มาก โดยเฉพาะท่าทีของผู้นำรัฐบาล ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอบโต้กัมพูชาในเวที UN อย่างเหมาะสมทันท่วงที แต่น้ำหนักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพียงท่านเดียวไม่เพียงพอสำหรับเรื่องนี้ เพราะท่าทีและแนวนโยบายของผู้นำคือ ทิศทางของประเทศ
ทันตแพทย์หญิง ศรีญาดา ถามนายกฯ ถึงแนวนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่จะส่งผลกระทบต่อการต่างประเทศคือ การผลักดันผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาที่มาอาศัยในพื้นที่อพยพในเขตแดนของไทย บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ในวันที่ 10 ต.ค. นี้ ท่านจะปล่อยให้ข้าราชการประจำในพื้นที่จัดการกันเองโดยไม่มีนโยบายจากผู้นำรัฐบาลไม่ได้ อีกนโยบายที่สะท้อนถึง "ความทำไม่ได้ ทำไม่ดี" คือนโยบายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและภัยไซเบอร์มีรายงานจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOCD) ชี้ว่า ศูนย์ฉ้อโกงข้ามชาติสร้างรายได้สูงถึง 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี และหลายเครือข่ายเชื่อมโยงกับภูมิภาคนี้ รัฐบาลของนางสาวแพทองธารใช้มาตรการเชิงรุกตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต เพื่อสกัดสแกมเมอร์เซ็นเตอร์ร่วมมือกับนานาประเทศปราบปราม ซึ่งถือเป็นหนึ่งยุทธศาสตร์หลักในการกดดันกัมพูชา แต่รัฐบาลนี้กลับเขียนระบุเพียงสั้นๆ โดยไม่มีความร่วมมือระหว่างประเทศ ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่านายกฯ จะเดินหน้าแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศในการปรับเรื่องนี้อย่างจริงจังได้อย่างไร
ตนเองเป็นห่วงภาพลักษณ์ของประเทศเกรงว่าประชาคมโลกจะตั้งคำถามถึงรัฐบาลไทยว่า ไม่กล้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะผู้นำไร้การแสดงออกสะท้อนถึงความไม่จริงจังและจริงใจต่อนานาประเทศและประเทศคู่ขัดแย้ง อย่างไรก็ตามคำแถลงนโยบายที่ระบุว่าจะมีการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยไม่มีการระบุแนวทางในการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริง ข้อดี-ข้อเสีย สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจงใจทำไม่เป็น มีอคติทางการเมือง มีความเชื่อที่ไม่มีมูลความจริง ขอท่านอย่าเอามาเป็นธงในการยกเลิก MOU เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศในระยะยาว ที่ผ่านมาข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพไทย กระทรวงมหาดไทยได้พยายามพูดถึงข้อดีและความจำเป็นของการมีอยู่ MOU มาโดยตลอด
การยกเลิกตอนนี้จะทำให้ไทยเสียเปรียบและเข้าทางกัมพูชาที่เลี่ยงโต๊ะเจรจาทวิภาคี ซึ่งประชาชนในพื้นที่ชายแดนใช้ MOU 2543 ในการอยู่ร่วมกันมาโดยตลอด หากนายกฯ จริงใจในการแก้ประชามติอย่างโปร่งใสที่ไม่ใช่เป็นการเอาอคติมานำสติ ท่านควรที่จะนำข้อเท็จจริงมาประชาสัมพันธ์เพื่อแยกแยะให้สังคมเห็นระหว่าง Fact และ Fiction ผลดี-ผลเสียที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่จะให้ประชาชนตัดสินใจลงมติแทนการชี้นำและชักจูง เพราะอดแปลกใจไม่ได้ว่าหลังการประกาศจากผู้นำจิตวิญญาณของกัมพูชาที่ต้องการยกเลิก MOU 2543 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68 หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน พรรคของนายกฯ มีการเสนอญัตติด่วนในสภาฯ ให้ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว สอดคล้องกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่แน่ใจว่านโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลถูกกำหนดที่บุรีรัมย์หรือพนมเปญ
สุดท้ายอยากเห็นนโยบายความมั่นคง การต่างประเทศที่มีวิสัยทัศน์ ท่าทีผู้นำรัฐบาลต้องชัด จุดยืนของประเทศต้องมียุทธศาสตร์เชิงรุกและมั่นคงในขณะที่มีสงครามการค้า สงครามอาวุธ สงคราม AI เราไม่มีเวลาเอาเรื่องภายในประเทศมาบั่นทอนภาพลักษณ์ของไทยในสายตาชาวโลก ขออย่าเอากรรมทางการเมืองมาสร้างกระแสชาตินิยมจนกลายเป็นกระแสคลั่งชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงเสมือนที่ประเทศเพื่อนบ้านใช้อยู่ วันนี้ปัญหาระหว่างประเทศที่รุมเร้า เพราะอำนาจและเงินเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศไทย เพราะมัวแต่ช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ตนเองจึงขอฝากไปถึงนายกฯ ว่าไม่มีคนประเทศไหนที่จะเห็นประโยชน์ของไทยสูงสุดเท่าคนไทยด้วยกัน นโยบายความมั่นคงการต่างประเทศจะต้องใช้การทูตนำการทหาร เข้มแข็งในจุดยืน ทุกก้าวย่างที่เดินต้องเดินอย่างมียุทธศาสตร์ในการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อความสงบสันติ กินดีอยู่ดี และคืนบทบาทการนำเป็นผู้นำของไทยในเวทีโลก
Advertisement