ผู้ว่าฯสระแก้ว ขีดเส้นผู้ว่าฯ บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ขนเขมรออกไทย 10 ต.ค.
ผู้ว่าฯสระแก้ว แจงทุกข้อครหา เอาผิดเฟกนิวส์เปิดด่าน สั่งเชือดคนปล่อยข่าว พร้อมขีดเส้นผู้ว่าฯ บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ขนเขมรรุกล้ำพื้นที่ออกไทย 10 ต.ค.นี้
วันที่ 22 ก.ย. 68 ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน จ.สระแก้ว นาย ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเปิดด่านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เพื่อผ่อนปรนให้มีการนำสินค้าเข้า-ออกว่า ยืนยันไม่เคยมีการเปิดด่าน ตั้งแต่มีสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริงถึงการเปิดด่าน ได้มอบหมายให้นายอำเภอคลองหาดไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งบริเวณด่านเขาดินจะติดกับ อ.พระตะบองของกัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ผมยืนยันด่านบริเวณตลอดแนวชายแดนสระแก้วไม่มีการเปิดด่าน ไม่ว่าจุดผ่อนปรนหรือด่านถาวร”
ด้านนายด่านเขาดิน ระบุว่า ตั้งแต่มีมาตรการปิดด่าน ยังไม่มีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็ได้มีการสนธิกำลัง ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจับกุม ผู้ที่ลักลอบส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค
ขณะที่ข้อมูลจากนายอําเภอคลองหาด ระบุว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวปลอมการเปิดด่านเขาดิน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาครัฐได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.คลองหาดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนที่พบหลักฐานชัดเจน มีชื่อชัดเจนค้นหาได้ เป็นคนไทยจากหลายพื้นที่ ซึ่งอาจจะไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง จึงได้มีการแชร์ข้อมูลไป
ส่วนความคืบหน้าที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนในจังหวัดสระแก้วอพยพออกจากพื้นที่ทั้งหมดภายในวันที่ 10 ต.ค.2568 นั้น
ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ยของกัมพูชา ก็เป็นไปตามข้อตกลงของสองประเทศที่ให้มีการพูดคุยกันระหว่างสองจังหวัดที่ติดริมชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทํางานอยู่ในพื้นที่ ตนก็ต้องรู้จักกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ของกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงว่า เราจะต้องยอมเขาทุกเรื่อง ซึ่งข้อเสนอที่ทางเราเสนอไปทางฝ่ายกัมพูชาก็ไม่ยอมรับ จึงทําให้ต้องมีการส่งข้อเสนอใหม่กลับไปเพิ่มเติม 3 ข้อ โดยได้มีการหารือ รมว.มหาดไทยแล้ว ก่อนที่จะส่งข้อเสนอกลับไป
ประเด็นที่ว่า หากทางกัมพูชาไม่ยอมออกจากพื้นที่ภายในระยะเวลา 10 ต.ค. แล้วหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า หลังวันที่ 10 ต.ค. เป็นหน้าที่ของระดับนโยบาย ที่จะสั่งการลงมาในพื้นที่ว่าจะมีแผนให้พื้นที่ทำอย่างไร ทางนายกรัฐมนตรีได้มีระบุชัดเจนมอบอำนาจให้ทางทหาร ทางกองทัพบริหารจัดการในพื้นที่หน้าแนวก็ต้องรอดูหลังที่ทางนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อทางสภาผู้แทนราษฎรก่อนว่าจะมีคำสั่งการให้พื้นที่อย่างไรบ้าง
ทั้งนี้หากมีเหตุก่อนวันที่ 10 ต.ค. ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า ทางจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง และกองกำลังต่างๆ ทั้งชุดควบคุมฝูงชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วางแผนปฏิบัติไว้หมดแล้วตามยุทธวิธีเบาไปหาหนัก ถ้าฝั่งมวลชนกัมพูชายังไม่หยุด หรือมีการกระทำก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ มีการขโมยอุปกรณ์ต่างๆ มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน หรือประชาชนคนไทย ทางทหาร ตำรวจก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ในด้านแนวหน้าอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยไว้แน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้
ส่วนเรื่องการปล่อยข่าวปลอมว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ชวน พล.ท.เป็จ วรรณา มารักษาที่ไทยก็ไม่เป็นความจริง สิ่งที่พยายามจะสื่อคือ เขามารักษาพยาบาลที่ประเทศไทย แล้วทำไมยังไม่รู้สึกสำนึก พร้อมย้ำไม่เคยชวนให้มารักษา
ผู้ว่าฯสระแก้ว ทิ้งท้ายว่า จะเกษียณฯในวันที่ 30 ก.ย. ปี 69 กรณีของตนต้องใช้คำว่าต่อวาระการดำรงตำแหน่ง ไม่ใช่การต่ออายุ
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังชี้แจงเพิ่มเติมถึงเรื่องที่มีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตัวเองว่า มติ 8 ข้อ ที่เสนอไป ก็เป็นมติมาจากจังหวัด ไม่มีระดับนโยบายไหนที่ชี้มาให้เราทำ ขอยืนยันว่าผู้ว่าฯสระแก้วไม่ได้มีผลประโยชน์ในพื้นที่ เหมือนผู้ว่ฯบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เพราะผู้ว่าฯบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย เป็นเจ้าของที่ และเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ถึงต้องเข้ามาเคลื่อนไหว ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว มีหน้าที่สนับสนุนแนวหน้า
Advertisement
