
วันที่ 19 ก.ย.2568 เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ สื่อมวลชนอาวุโส เปิดเผยภายหลังศาลฎีกายกฟ้องคดีมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)บุกช่อง NBT เมื่อปี2551 ว่า ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ที่ทำให้เรามีโอกาสใช้กระบวนการนี้ ผ่านมา 15 ปีเต็มๆ จนถึงวันนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ จนถึงศาลฎีกา เราต่อสู้กันด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งวันนี้ทำให้ชีวิตเราโล่งใจ ก็รู้ว่าต่อจากนี้ไปเส้นทางชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อ ที่ผ่านมาหน้าที่สื่อมวลชนเราทำมาโดยตลอด หลังจากนี้เป็นต้นไปเราจะทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่าเกินความคาดหมายหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ทำใจมาแล้ว น.ส.อัญชะลี ตอบว่า ตน เป็นคนที่เตรียมความพร้อมทุกอย่าง ถ้าเราสู้จนถึงที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ซึ่งตนต้องขอบคุณทุกสาย ทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ ที่หาพยานหลักฐานต่างๆให้
เมื่อถามถึงสาเหตุของการยกฟ้องนายสมชาย แสวงการ อดีตสว.กล่าวว่า พยานที่ให้การไม่ตรงกัน ในหลายประเด็น ฉะนั้นศาลฎีกาได้พิพากษากลับจากศาลชั้นต้นและอุธรณ์ เมื่อมีเหตุที่ขัดกันศาลจึงยกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังเหลือคดีอะไรหรือไม่นั้น น.ส.อัญชะลี ตอบว่า เหลือคดีเคลื่อนไหวกับกลุ่มกปปส.ที่ศาลชั้นต้นและอุธรณ์ให้รอการลงโทษ ซึ่งถ้าเราไม่มีคดีเราก็ดีใจ เราอายุ 62 ปีแล้ว เราผ่านมา 20 กว่าปี ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือใช้วิชาชีพ ความสามารถและความเชี่ยวชาญของตนเองรับใช้ประชาชน ตนรู้สึกว่าเป็น 20 ปีที่คุ้มค่ามาก ประชาชนให้กำลังใจเรามากโดยเฉพาะผู้ที่ร่วมมือกับเรา ในการแสวงหาข้อมูล หลักฐานพยานเอกสาร เรารู้สึกว่าเรามีเพื่อนและคนที่รักเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดที่เราบอกตัวเองคือความจริงเท่านั้น เรานำเสนอความจริงความถูกต้อง ชีวิตนี้ที่เหลืออยู่คือทำสิ่งที่มีค่า
ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองจากนี้ไป จะต้องระมัดระวังหรือไม่ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เราไม่เคยทำอะไรที่ไม่ระมัดระวัง เราทำทุกสิ่งรอบคอบเสมอบนพื้นฐานความคิดความเชื่อของเรา แต่ถ้ากฎหมายบอกว่า อะไรผิดเราก็ไปว่ากันตามกฎหมาย ฉะนั้นความเชื่อ ความรักความศรัทธา ทําในเรื่องการบ้านการเมือง มันไม่ต้องใช้ความระมัดระวังแค่ใช้หัวใจของเรา ความรู้และจับจดต่างๆ ฉะนั้นถามว่าตนจะเคลื่อนไหวต่อไปไหม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมือง ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองเจอภัยพิบัติไม่ว่ารูปแบบไหน เราสู้ เราช่วย โดยไม่ต้องลังเลใจ
"พี่ไม่ใช่นักการเมือง พี่เป็นภาคประชาชน เป็นสื่อมวลชน ถ้าเห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรทุกคนต้องทำ อะไรที่ไม่ดีไม่งามสื่อมวลชนต้องทำเต็มที่ ต้องแก้ไขสิ่งผิดให้ถูก ความทุกข์ไม่มีขาที่เดินมาหาเรา เราต่างหากต้องเดินไปหาความทุกข์ ไปช่วยคลี่คลายความทุกข์ให้ประชาชน"
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ตนทำงานทุกวันโดยไม่เอาเรื่องคดีมาเป็นปัจจัย กังวลในชีวิต ตนมีพลังทำงานทุกวัน ก็เห็นกัน คงไม่ต้องบอกว่าตนมีพลังขนาดไหน เพราะฉะนั้นสิ่งวันนี้ก็ไม่ได้เพิ่มหรือลดพลังเรา หรือย่ำอยู่กับที่ มันแค่ทำให้เราโล่งอก แล้วทำงานต่อไปให้ดีขึ้นๆเท่าที่กำลังวังชาเรามี
Advertisement