วันที่ 28 ส.ค. 68 เมื่อเวลา 13.45 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนที่เสนอโดย วาจา ของ 4 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคเป็นธรรม และ พรรคเพื่อไทย ให้สภาฯ พิจารณาประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเกี่ยวข้องกับบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ฉบับที่ 2543 และฉบับที่ 44
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเข้าสู่การพิจารณาเนื้อหา นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ฐานะกรรมการรประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่าไม่ขัดข้องที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ขอให้ที่ประชุมสภาฯ พิจารณารายละเอียดของญัตติดังกล่าวเป็นการลับ แต่ถูกทักท้วงจากสส.พรรคฝ่ายค้าน เพราะมองว่าเนื้อหาในเอ็มโอยู 2543 และ เอ็มโอยู 2544 มีเนื้อหาที่เผยแพร่โดยทั่วไปกว่า 20 ปีแล้ว อีกทั้งให้เกิดการประชุมลับเท่ากับปิดหูปิดตาประชาชน
ซึ่ง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า เหตุที่ต้องเสนอให้ประชุมลับ เพราะกังวลว่าจะควบคุมการอภิปรายไม่ได้ และอาจสร้างความเสียหายกับประเทศ
ขณะเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้นักการเมืองมีอิสระในการพูด แต่มีเรื่องควรระวังคือ ความมั่นคง เรื่องเปราะบางที่กัมพูชาก็อยากรู้ ไทยจะคุยอะไรบ้าง การประชุมลับไม่ใช่เรื่องทำไม่ได้ รัฐธรรมนูญให้ทำได้ ไม่ใช่การปิดหูปิดตาประชาชน แต่ควรคุยในวงจำกัด เรื่องยุทธศาสตร์ไม่ควรให้ข้าศึกรู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ต่างมีความเห็นไม่ตรงกันกับวิธีการประชุม ขณะเดียวกันนายวัชระพล ยืนยันให้ประชุมเป็นการลับ ทำให้ นายไชยยา วินิจฉัยว่า การเสนอให้ประชุมลับ ต้องมีการรับรองโดยสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือ 123 เสียง โดยผลการรับรองให้ประชุมลับ 198 เสียง อย่างไรก็ที่ประชุมได้ตกลงให้ประชุมลับ ภายหลังจากการเสนอญัตติของผู้เสนอแล้วเสร็จ จากนั้นผู้เสนอญัตติทั้ง 5 ญัตติ ได้เสนอเหตุผลในการยื่นญัตติด่วนครั้งนี้
จากนั้นในเวลา 17.43 น. ภายหลังการประชุมลับมาประมาณ2ชั่วโมง ได้กลับมาเปิดการประชุมอีกครั้ง โดยนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม แจ้งผลการประชุมลับว่า จากญัตติในลักษณะดังกล่าวที่มีผู้เสนอขอให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษา รวมถึงขอให้ส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาดำเนินการ แต่จากการฟังการอภิปรายของสมาชิกส่วนใหญ่ และรับการประสานงานจากตัวแทนวิปทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะต้องมีการตั้งกมธ.วิสามัญ
ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้มีการตั้งกมธ.ฯวิสามัญเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าว แต่ให้เลื่อนการตั้งกมธ.วิสามัญไปเป็นการประชุมสัปดาห์หน้า เนื่องจากตัวแทนพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ขอระยะเวลาในการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่ง ในกมธ.วิสามัญ
Advertisement