แก้ว รามี ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึง เฟรดริก มัลมเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนสวีเดน เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนการขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen) ให้แก่ประเทศไทย
แก้วระบุว่า “ข้าพเจ้าขอแสดงความเคารพและชื่นชมอย่างสูงสุดต่อราชอาณาจักรสวีเดน เป็นเวลาหลายทศวรรษที่สวีเดนยืนหยัดในฐานะผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพ เป็นแบบอย่างอันสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกประเทศยึดมั่นในศักดิ์ศรีและความยุติธรรมสำหรับประชาชนทุกคน”
“ด้วยความเป็นผู้นำทางศีลธรรมอันยาวนานของสวีเดน เราจึงจำเป็นต้องแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อตกลงการขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน (E/F) ให้แก่กองทัพไทย ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การขายเครื่องบินดังกล่าวไม่เพียงแต่จะบั่นทอนสันติภาพและความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงที่เครื่องบินลำนี้จะถูกนำไปใช้ในการรุกรานกัมพูชา ซึ่งทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตรายและคุกคามอธิปไตยของชาติ”
“ดังที่ท่านทราบ ในอดีตเคยมีกรณีที่เครื่องบินทหารไทยถูกนำไปใช้ในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างน่าเศร้าแก่พลเรือนชาวกัมพูชา การอนุญาตให้มีการโอนย้ายเครื่องบินดังกล่าวในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
“ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ เจนีวา รัฐต่าง ๆ ถูกเรียกร้องให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจเอื้อต่อการรุกรานหรือบั่นทอนสันติภาพในภูมิภาคโดยอ้อม ในบริบทนี้ ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศของสวีเดนกับไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกมองว่าไม่ใช่การค้าที่เป็นกลาง แต่เป็นการกระทำที่เอื้ออำนวยซึ่งอาจส่งเสริมการยกระดับทางทหารและการรุกรานจากไทยซึ่งนำไปสู่ความทุกข์ทรมานของมนุษย์”
“สวีเดนมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา การขายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เอื้ออำนวยดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามและขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับความสำคัญอันยาวนานของสวีเดนในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน สวีเดนต้องมั่นใจว่านโยบายการค้าอาวุธไม่ได้ถูกชี้นำโดยปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงต่อสิทธิมนุษยชน สันติภาพ และการป้องกันความทุกข์ทรมาน”
Advertisement