นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการ ยุบศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก. ในช่วงสถานการณ์ที่คลี่คลาย ซึ่งเป็นการประเมินจากหน้างาน หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการยุบศูนย์และปล่อยให้อำนาจ ให้กระทรวงต่างๆ ได้ทำหน้าที่ ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันว่าจะยุบภายหลังจารการพูดคุย การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เสร็จสิ้น แต่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมามีสถานการณ์เกิดขึ้น ในลักษณะบานปลาย จึงยังไม่จำเป็นที่จะเรียกประขุม สมช. ภายในสัปดาห์นี้
โดยจะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจน เรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาแต่เป็นการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาสถานการณ์ในแต่ละช่วง เพราะใน สมช. และ ศบ.ทก. มีเหล่าทัพในนี้ด้วย และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน ก็ได้มีการมอบอำนาจให้ส่วนหน้าเป็นหลัก อยากให้ทุกส่วนเข้าใจไม่อยากให้เกิดความบานปลาย
สำหรับการรับมือกรณีที่ประชาชนที่ออกจากศูนย์อพยพไปและบางส่วนต้องไปอยู่ที่สถานีบริการน้ำมันนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลและทหาร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งเราห้ามความกังวลของใครไม่ได้ แต่ต้องพยายามทำความเข้าใจ ให้ทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร อีกทั้งมองว่าเรื่องนี้ทุกส่วนต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด
ส่วนความคืบหน้าในการประชุมเพื่อพิจารณายุบ ศบ.ทก. จะเป็นสัปดาห์หน้าหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีการพูดคุยกันมาสม่ำเสมอเห็นว่าควรจะประเมินสถานการณ์ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพราะขณะนี้ยังมีประเด็นต่างๆอยู่ และยังไม่มีการปรับการบริหารทางยุทธวิธี จึงไม่สามารถที่จะยุติหน่วยงานได้ในทันที
นอกจากนี้นายภูมิธรรมยังกล่าวถึง การตั้งที่ปรึกษาของ ศบ.ทก. โดยยืนยันว่า การตั้งเลขาคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาพัฒน์ ไม่มีอะไรเลย เพราะเป็นการตั้งที่ปรึกษาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่การตั้งที่ปรึกษา ศบ.ทก. ซึ่งตนอยากให้ผู้สื่อข่าวกลับไปถาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ว่าตนไม่ได้เอาชื่อใครออก และตนก็เห็นชอบให้มีการแต่งตั้ง ตั้งแต่สมัยตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว และย้ำว่าการตั้งที่ปรึกษาดังกล่าวไม่ได้เกิดปัญหาอะไรกับรัฐบาล
Advertisement