เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานพระวโรกาสให้ผู้บัญชาการทหารบกและคณะเข้าเฝ้าถวายรายงานโครงการสนับสนุน "กองทุนหทัยทิพย์" กองทัพบก ที่ทรงห่วงใยความปลอดภัยของทหารและประชาชนในพื้นชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยให้กองทัพเร่งสนับสนุนการจัดสร้างหลุมบุคคล สำหรับใช้เป็นที่มั่นกำบังของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ และสร้างหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน ในห้วงแรกก่อน ผ่าน "กองทุนหทัยทิพย์" ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมบริจาค ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างการมีส่วนของคนในชาติ สนับสนุนด้านความมั่นคงและความปลอดภัยให้กับประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการรวมพลังแห่งความสามัคคี และจิตสำนึกความรักชาติของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มีต่อสถาบันหลักของชาติ
ในการนี้ กองทัพบกน้อมรับพระกระแสรับสั่งฯ โดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายให้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 ดำเนินการเร่งสำรวจและจัดทำข้อมูล โดยวันนี้ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 ได้ลงพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ร่วมกับ กลล.บูรพา, ฝ่ายปกครอง, ส่วนราชการท้องถิ่น จ.สระแก้ว และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ร่วมกันสำรวจและพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย สำหรับการก่อสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัยในพื้นที่ความรับผิดชอบของ กกล.บูรพา เพื่อให้คณะทำงานโครงการสนับสนุน "กองทุนหทัยทิพย์" กองทัพบก ได้วางแผนการก่อสร้างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็วและเป็นไปตามความประสงค์ของกองทุนฯ ต่อไป
โดย กกล.บูรพา ได้รับการสนับสนุนให้สร้างและปรับปรุงที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ภายในฐานปฏิบัติการของหน่วยทหาร จำนวน 72 แห่ง และหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน ขนาดความจุ 40 คน จำนวน 6 แห่ง โดยในห้วงแรกจะเร่งดำเนินการสร้างบังเกอร์ จำนวน 10 แห่ง และหลุมหลบภัย จำนวน 2 แห่ง จากพระเมตตาของพระองค์ในคราวนี้ นำมาซึ่งความความรู้สึกซาบซึ้งใจของกำลังพลที่ปฏิบัติงานและประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดน และสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ในฐานะกองทัพของทหารรักษาพระองค์ น้อมรับสนองพระราชปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี "ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติ" ด้วยความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
Advertisement