เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หมู่บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้พื้นที่ปะทะบริเวณเขาพระวิหาร
พบว่าขณะนี้ประชาชนบางส่วนที่เคยอพยพไปยังศูนย์พักพิงได้เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ทั้งในด้านการประกอบอาชีพและการเปิดร้านค้าค้าขาย
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับว่ายังมีความกังวลในใจ ว่าอาจเกิดเหตุปะทะขึ้นอีกครั้งในอนาคต แต่การกลับมาครั้งนี้เนื่องจากหลายศูนย์พักพิงเริ่มทยอยปิดตัวลงเพื่อเตรียมพื้นที่รองรับนักเรียนในช่วงเปิดเทอม ทำให้ชาวบ้านบางส่วนตัดสินใจกลับมาดูแลบ้านเรือนที่ต้องทิ้งร้างไว้นานหลายวัน
นายทองคำ วงษ์ใหญ่ อายุ 55 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล เปิดเผยว่าตนได้พาพ่ออายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตอพยพไปยังศูนย์พักพิงตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการปะทะและได้พำนักอยู่เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ ก่อนจะมีประกาศย้ายศูนย์พักพิงเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการเรียนการสอนในช่วงเปิดเทอม ตนจึงอาศัยโอกาสนี้พาพ่อกลับมาดูบ้าน
นายทองคำ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าหลังกลับมาถึงบ้านสิ่งที่ผิดสังเกตอย่างมาก คือกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่าลอยมาเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีลมพัดแรง สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากซากศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการปะทะและยังไม่ได้รับการเก็บกู้ โดยได้รับข้อมูลจากทหารบริเวณแนวปะทะว่าพื้นที่โซนภูมะเขือนั้นมีกลิ่นรุนแรงมาก แม้ใส่หน้ากากอนามัยถึงสามชั้นก็ยังไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้
“เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลยเพราะหมาหอนทั้งคืน พอตีห้าก็ได้ยินเสียงปืนดังเป็นระยะ อยากให้ผู้มีอำนาจจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดจะยิงก็ยิงให้จบ หรือหากจะเจรจาก็ขอให้เรียบร้อยเด็ดขาดพวกเราจะได้กลับมาทำมาหากินตามปกติ” นายทองคำกล่าว
ขณะที่นายวิมล ทองอ่อน อายุ 56 ปี สมาชิกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เปิดเผยว่าตนปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดการปะทะ ปัจจุบันเริ่มมีชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ชายกลับมานอนที่บ้านบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนัก
“ช่วง2-3วันที่ผ่านมาผิดสังเกตว่าหมาหอนตอนกลางคืนเยอะกว่าปกติ หลังมีข่าวว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ชาวบ้านเองก็หวังว่าการประชุม GBC จะออกมาในทางที่ดีและยุติความขัดแย้งให้ได้ เพราะตอนเกิดเหตุปะทะชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีรายได้ ต้องอพยพหนีภัยมากว่า 10 วันแล้ว” นายวิมลกล่าว
ทั้งนี้ชาวบ้านยังคงติดตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) อย่างใกล้ชิด พร้อมวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางออกอย่างสันติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างมั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว
Advertisement