เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 24 ก.ค. 68 บรรยากาศล่าสุด ที่ศูนย์อพยพมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ นาย ชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ในพื้นที่ความเสียหายภายในจ.สุรินทร์ กระสุนปืนใหญ่มาตกในเขตอำเภอสังขะ ตำบลบ้านชบ,ตำบลด่าน ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย ตกในเขตอำเภอพนมดงรัก ตกในเขตชุมชนและโรงพยาบาล นอกจากนั้นกัมพูชายังมีเป้าหมายโจมตีสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบไฟฟ้า ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังมีเสียงปืนใหญ่ดังเป็นระยะ แตกต่างจากปี 2554 ที่มีการปะทะเพียง 40 - 50 นาทีก็หยุด ดังนั้นจึงได้มีการอพยพประชาชนในพื้นที่ติดชายแดนทั้งหมด 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอพนมดงรัก ซึ่งเป็นจุดหลักในการปะทะ อำเภอกาบเชิง อำเภอสังขะ และอำเภอบัวเชด และอีกพื้นที่คืออำเภอปราสาท แม้ติดชายแดนแต่บางตำบลอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนมาก
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชน 100,000 กว่าคนที่ได้รับผลกระทบ สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้แล้วกว่า 70% โดยบางส่วนที่เป็นผู้ชายและผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ ก็ได้ขอให้อยู่เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยและทรัพย์สินภายในหมู่บ้าน หรือที่เรียกว่ากลุ่ม ชรบ. เพื่อดูแลทรัพย์สินและดูแลสัตว์เลี้ยงที่อพยพออกมาไม่ได้ ดังนั้นสถานการณ์ใน จ.สุรินทร์ขณะนี้ถือว่ายังไม่ปลอดภัย ยังพบว่ามีการยิงปืนใหญ่เป็นระยะ ดังนั้นคนที่คิดจะกลับเข้าไป อยู่ใกล้ชายแดนก็ไม่ควรเข้าไป หากไม่มีธุระจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากสถานการณ์รุนแรงกว่านี้ จุดที่อพยพ รวมถึงศาลากลางจังหวัดก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นเดียวกัน เพราะอยู่ในรัศมีการยิงประมาณ 120 กิโลเมตร กัมพูชาเพราะหากฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธดังกล่าวก็จะมีการอพยพอีกครั้งออกจากรัศมี เพราะพื้นที่ศูนย์อพยพนี้อยู่ห่างจากรัศมี 80 กิโลเมตร แต่ส่วนตัวมองว่า ประเทศไทยมีอาวุธที่ทันสมัยกว่า และฝูงบิน F-16 ที่ขึ้นบินแล้วน่าจะทำลายอาวุธของฝั่งตรงข้ามได้ในระดับหนึ่ง
Advertisement