วันที่ 20 ก.ค. กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ศปปส. กองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล มายังหน้าสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนน ประชาอุทิศ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมาย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์จากกรณีเหตุการณ์ทหารไทย 3 นาย เหยียบหุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยหนึ่งในนั้นขาขาด ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นของใหม่และเกิดขึ้นในพื้นที่ฝั่งไทย โดยทีบรรดาแกนนำกชุ่มคปท. ศปปส. กองทัพธรรม สับเปลี่ยนขึ้นปราศรัย
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท. ได้แถลงข่าว ว่า วันนี้ประชาชนคนไทยมาเพื่อแสดงสัญลักษณ์สื่อสารไปยังรัฐบาลกัมพูชา ทหารกัมพูชา โดยพฤติกรรมที่ทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยมาวางทุ่นระเบิดไว้หลาย 100 ลูก ทั้งมายั่วยุที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า กัมพูชาได้กระทำการดูหมิ่นประเทศไทย ดังนั้น วันนี้จึงเดินทางมาประณามรัฐบาลกัมพูชา ที่ปล่อยให้ทหารรุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยของไทย
นายพิชิต ยังมองว่า กัมพูชาถือมองว่าไทยเป็นศรัตรูทางความมั่นคง ดังนั้นในฐานะประชาชนคนไทย จึงขอประณามรัฐบาลกัมพูชาและขอประณามการกระทำของทหารกัมพูชาว่า ว่าเป็นภัยความมั่นคงต่อประเทศไทย ทั้งย้ำว่าวางทุ่นระเบิดที่มองว่า การปฏิบัติทางการทหารและการยั่วยุเป็นภัยแห่งความมั่นคง เพราะทารกัมพูชาอธิบายไม่ได้ว่าเป็นระเบิดรุ่นเก่า ซึ่งการวางระเบิดนอกเหนือจากจะเป็นการรุกล้ำอธิปไตยไทยแล้ว ยังเป็นการทำที่ผิดอนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งกัมพูชาและไทยมีการลงสัตยาบันนี้
นายพิชิต ยังบอกว่า ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาเพิ่งฉลองความสัมพันธ์ครบ 75 ปี แต่การกระทำของกัมพูชาในวันนี้เป็นการตัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างชัดเจน เพราะพฤติกรรมกัมพูชามุ่งเน้นที่จะรุกล้ำ ข้ามดินแดนเข้ามาทำลายความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในฐานะประชาชนคนไทย จึงขอเรียกร้องให้ประท้วงทางการกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยหากรัฐบาลไทยนิ่งเฉยประชาชนก็จะลุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของประเทศเอง และในฐานะประชาชนคนไทย ยืนยันว่า มีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย โดยขอประณาม และกล่าวหาว่ากัมพูชาทำลายความสัมพันธ์และทำลายประเทศไทย
นายพิชิต ยังขอสื่อสารไปยังรัฐบาลกัมพูชา ว่า ประชาชนคนไทยและประชาชนกัมพูชา มีความสัมพันธ์อันดีไม่ได้ขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนของ 2 ประเทศ ที่ต่างไปมาหาสู่กันตามปกติ และขอตั้งคำถามไปยังสิ่งทหารกัมพูชาทำ หากไม่ได้รับไฟเขียวและอนุญาตจากรัฐบาลกัมพูชา หรือจากนายก รัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซ็น คงไม่สามารถมาวางทุนระเบิดในแผ่นดินไทย อย่างไรก็ตามท่าทีของทหาร หลายคนอึดอึดทำไมนิ่งเฉย ทิศทางของไทยคือการปกป้องอธิปไตยไม่ใช่การทำสงคราม วันนี้ถือว่าไทยมีข้ออ้างที่จะนำไปอธิบายกับนานาชาติว่ากัมพูชาไม่เคารพอธิปไตยของประเทศไทย และทำผิดกติการะหว่างประเทศ เพื่อใช้พื้นนี้ในการอธิบาย “แต่หากหลังจากนี้หากเกิดพฤติกรรมในลักษณะนี้ ใครมารุกธิปไตยของอธิปไตยไทยก็ต้องตบกบาลมัน”
สุดท้ายการมาชุมนุมหน้าสถานทูตฯ ครั้งนี้ นายพิชิต ยืนยันว่า เพื่อการแสดงพลังของคนไทย เป็นความรู้สึกของคนร่วมกันทั้งประเทศ ที่เห็นความรู้สึกที่คนไทยอึดอัด และเห็นความรู้สึกร่วมกันว่า วันนี้คนไทยรักสามัคคีกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ย้ำว่า “ไม่เชื่อทั้งสมเด็นฮุน เซน และชินวัตร” จึงเป็นหน้าที่ของคนไทย ที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตย และแสดงออกถึงกัมพูชาว่า ถ้ายังรุกล้ำอธิปไตยของไทย คนไทยจะไม่ยอม ถ้ากัมพูชาขนขนคนได้ คนไทยก็ขนคนได้เช่นเดียวกัน และหากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ก็พร้อมที่จะชุมนมใหญ่ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ และอนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ ก็พร้อมต้อนรับประชาชนเช่นเดิม
“พฤติกรรมของกัมพูชาสมควรได้รับการประนามว่าทำลายอธิปไตยของไทยอย่างรุนแรง
ถ้ายังทำกันอยู่เช่นนี้ คงหนีไม่พ้นการยั่วยุที่ทำให้เกิดการใช้อาวุธ แต่วันนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น กัมพูชาต้องกลับไปคิดและตรึกตรองให้ดีความสัมพันธ์รัฐบาลไทยที่ช่วยเหลือมาตลอด 75 ปี ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ทางมิตรภาพ แต่วันรี้ระเบิดลูกนั้นได้ทำลายขาของทหารไทย และตัดความสัมพันธิ์ของไทยกัมพูชาให้ขาดไปด้วยเช่นกัน และเราจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”
นายพิชิต ยังยืนยันว่า หลังจากนี้จะไปมอบอุปกรณ์สิ่งของตามที่รับปากกับกองทัพภาคที่ 2 เอาไว้ จะตั้งเวทีชุมนุมที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสุรินทร์ด้วย ซึ่งวันเวลาจะมีการกำหนดอีกครั้ง โดยคณะรวมพลังแผ่นดินเดินหน้าจะเปิดเวทีชุมนุมทั้ง 4 ภาค พร้อมย้ำสิ่งที่เรียกร้อง คือการเรียกทูตกัมพูชามาประท้วงอย่างเป็นทางการ เพื่อบันทึกไว้เป็นทางการและเป็นประวัติศาสตร์ว่าการกระทำของกัมพูชาเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และต้องชี้แจงเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนไปยังสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์หน้าสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้ยุติลงในเวลา 12.30 น. และภาพรวมบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้นำรั้วเหล็กมากั้น
แนว พร้อมวางกำลังบางส่วนบริเวณหน้าสถานทูตบริเวณหน้าสถานทูต รวมทัั้งอำนวยความสะดวกผู้ชุมนุมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
Advertisement