จากกรณีอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ ทิดสฤษดิ์ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้ตัดสินใจลาสิกขาเมื่อคืนนี้ (19ก.ค.68) หลังมีข่าวคบหาอยู่กินฉันท์สามีภรรยา กับ เศรษฐินีคนหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ มานานกว่า 15 ปี และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน
ต่อมาทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับนายชัยณรงค์ อายุ 79 ปี ชาวบ้านที่อยู่ตรงข้ามวัดนครสวรรค์ และอยู่อาศัยบนที่ดินของวัดมานานกว่า 30 ปี บอกว่า ตัวเองมาเช่าตึกอยู่อาศัยในที่ดินของวัดมานานแล้ว โดยเงื่อนไขการอยู่อาศัย จะต้องเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะ หรือค่าแรกเข้าประมาณ 1 แสนกว่าบาท และจะต้องทำสัญญาใหม่ทุกๆ 30 ปี
ส่วนค่าเช่ารายปี ในระยะแรกอยู่ที่หลักพันบาท แต่เนื่องจากระยะหลังทางวัดมีการขึ้นค่าเช่า 35 เปอร์เซ็นต์ ในทุกๆ 5 ปี ทำให้ปัจจุบันต้องเสียค่าเช่าปีละกว่า 1 หมื่นบาท
นายชัยณรงค์ บอกว่า ตัวเองอยู่อาศัยในพื้นที่มาตั้งแต่เจ้าอาวาสคนเก่า ซึ่งมีเมตตากับชาวบ้าน ไม่เคยมีการขึ้นค่าเช่าโหดเท่านี้ และยังไม่มีการบีบบังคับขึ้นเช่าที่ด้วย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นเจ้าอาวาสรูปนี้ มีการขึ้นค่าเช่าแบบไม่สนใจความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อน ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านเคยรวมตัวกันไปร้องเรียนแต่ก็ไม่ได้ผล รวมทั้งมีการยื่นฟ้องต่อศาล แต่ชาวบ้านก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะทางวัดอ้างทำตามระเบียบ โดยชาวบ้านก็น้อมรับในคำตัดสินของศาล
นายชัยณรงค์ ยังบอกว่า ตัวเองไม่ได้ตกใจกับข่าว “ทิดสฤษดิ์” เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ที่หนีสึกกลางดึก เพราะตั้งแต่เริ่มมีกระแสข่าวประมาณ 2 - 3 วัน ว่า เจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินการกับพระชั้นผู้ใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ตัวเองก็คิดอยู่แล้วว่า จะเป็นเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่องเข้าหูมาสักพักใหญ่แล้วเกี่ยวกับสีกา แต่ตัวเองก็ไม่เคยเห็น เพราะไม่เคยเข้าไปทำบุญที่วัดนี้ เนื่องจากพอตัวเองได้ยินเรื่องที่ไม่ดีของเจ้าอาวาส ก็จึงไม่ศรัทธา และไม่สบายใจที่จะเข้าไปทำบุญ
Advertisement