จากกรณีอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ ทิดสฤษดิ์ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขา หลังมีข่าวฉาว ซุกเมียเศรษฐีนีปากน้ำโพนานกว่า 15 ปี ล่าสุดตำรวจสอบสวนกลาง เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินหาพยานหลักฐานโยงทุจริต
ความเคลื่อนไหวที่วัดนครสวรรค์ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางวัดได้มีการจัดเตรียมเอกสารด้านการเงินของวัด ทั้งบัญชีรายรับรายจ่ายและสมุดบัญชีธนาคารเกือบ 20 บัญชี มาไว้ที่ห้องประชุมอาคารเทพประสิทธิวิทยากร เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบตามกระบวนการ หลังจากที่เจ้าอาวาสลาสิกขา
ขณะที่วันนี้ พระครูสุธีธรรมบัณฑิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนในทุกประเด็น เริ่มจากประเด็นที่มีการเตรียมเอกสารให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในวันนี้
พระครูสุธีธรรมบัณฑิต บอกว่า เป็นไปตามนโยบายของวัดที่เน้นเรื่องความโปร่งใส ขณะที่ เอกสารการเงินของวัดที่นำมาให้เจ้ากน้าที่ตรวจสอบวันนี้ เป็นเพียงเอกสารส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเอกสารอีกส่วน “ ทิดสฤษดิ์ ” อดีตเจ้าอาวาส ได้ว่าจ้างให้สำนักงานตรวจสอบบัญชีภายนอกดำเนินการ โดยทางวัดได้ส่งบัญชีรายรับรายจ่าย ให้สำนักตรวจสอบบัญชีดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทางวัดยังอยู่ระหว่างพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพย์สินวัด แบบดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้สามารถตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายของวัดได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อเพิ่มความโปร่งใสยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องเงินบริจาคของประชาชน อดีตเจ้าอาวาสได้พยายามให้มีการบริจาคผ่านระบบ QR Code เพื่อให้เงินบริจาคทุกบาททุกสตางค์ตรงเข้าไปในบัญชีวัด โดยจะมีการติด QR Code ไว้ที่ตู้บริจาคในพระอุโบสถ์ ส่วนผู้มีจิตศรัทธา ที่ต้องการบริจาคเงินร่วมสร้างศาสนสถานภายในวัด ก็สามารถโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารได้เช่นกันและสามารถนำใบอนุโมทนาบัตรไปลดหย่อนภาษี ซึ่งข้อมูลจะเชื่อมโยงกับกรมสรรพากรโดยตรง
พระครูสุธีธรรมบัณฑิต บอกว่า ตัวเองได้รับมอบหมายจากอดีตเจ้าอาวาสให้เข้ามารับผิดชอบดูแลบัญชีของวัดได้ประมาณ 6 - 7 เดือนแล้ว จึงสามารถชี้แจงในส่วนนี้ได้ แต่หากเป็นข้อมูลช่วงเวลาก่อนหน้านี้จะต้องรอข้อมูลจากสำนักตรวจสอบบัญชี
ส่วนกุฏิของอดีตเจ้าอาวาส ตอนนี้ได้ถูกปิดไว้ เพื่อรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่ข้าวของบางอย่างที่เป็นของส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส ได้ถูกนำออกไปบ้างแล้ว ซึ่งในเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส ต้องชี้แจงว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัด เมื่อมีการลาสิกขา ก็สามารถเอาติดตัวกลับไปได้ เนื่องจากท่านไม่ได้มรณภาพ
ประเด็นต่อมาเรื่องการลาสิกของ “ ทิดสฤษดิ์ ” อดีตเจ้าอาวาส พระครูสุธีธรรมบัณฑิต บอกว่า ก่อนลาสิกขา อดีตเจ้าอาวาส ได้ไปกราบลารองเจ้าอาวาส ที่เคารพนับถือเป็นอาจารย์ พร้อมระบุว่า " หลวงพ่อครับผมได้พลาดไปแล้ว ขอไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาและธรรมวินัย ขอนิมนต์หลวงพ่อดูแลวัดต่อด้วยนะครับ "
ขณะที่อดีตเจ้าอาวาส ได้ฝากฝังให้ตัวเองช่วยดูแลวัดต่อไป ซึ่งตัวเองถึงกับร้องไห้ เพราะผูกพันเป็นลูกศิษย์มานานหลายสิบปี และอดีตเจ้าอาวาสก็เป็นคนส่งเสียให้เรียนหนังสือ
พระครูสุธีธรรมบัณฑิต บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งก็ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาสิกขาไปแล้ว แต่หากพูดถึงคุณงามความดีที่ได้สร้างไว้ให้แก่พระพุทธศาสนา ต้องบอกว่า อดีตเจ้าอาวาสได้ทำไว้มากมาย
ประเด็นสุดท้ายเป็นเรื่องที่สังคมตั้งข้อสังเกตถึงการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ ที่ใช้เวลานานถึง 15 ปี แต่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เรื่องนี้ พระครูสุธีธรรมบัณฑิตผู้ช่วยเจ้าอาวาส ชี้แจงว่า อดีตเจ้าอาวาสในฐานะเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานการการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นสถานศึกษาสำหรับพระภิกษุและสามเณรในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ส่วนที่ดินที่สร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ นั้น มาจากผู้ใจบุญบริจาคที่ดินกว่า 300 ไร่ ต่อมาจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการก่อสร้าง โดยมีทั้งฝ่ายคณะสงฆ์และฝ่ายปกครอง
ส่วนสาเหตุที่การก่อสร้างล่าช้า มาจากปัญหาเรื่องการถูกฉ้อโกงเงินกว่า 60 ล้านบาท จนทำให้การก่อสร้างสะดุด และต้องใช้เวลาในการรับบริจาคเพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อ แต่พอดำเนินการไปได้อีกสักระยะ ก็มีปัญหาเรื่องการก่อสร้างองค์พระประธาน ที่เริ่มแรกใช้วิธีการโป๊วสีทอง ซึ่งปรากฎว่า ทองได้ร่วงหล่นลงมา จึงต้องทำการลอกออก แล้วเปลี่ยนวิธีใช้การปิดทองคำเปลวแทน แต่กระบวนการปิดทองคำเปลว ก็เกิดปัญหาถึง 3 ครั้ง เรื่องทองไม่สม่ำเสมอ จึงต้องมีการแก้ไขอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็ยอมรับว่า ในขั้นตอนการปิดทองคำเปลวนั้นมีงบประมาณค่อนข้างสูงประมาณ 14 ล้าน ทำให้ต้องใช้เวลาในการระดมทุนจากผู้ใจบุญ
นอกจากการแก้ไของค์พระประธานแล้ว ตอนนี้ที่พุทธมณฑลนครสวรรค์ ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างมณฑปครอบองค์พระประธาน เพื่อกันแดดกันฝน ซึ่งหลังจากสร้างมณฑปเสร็จสมบูรณ์ ก็ดำเนินการปิดทอวคำเปลวที่องค์พระประธานให้เรียบร้อยต่อไป
พระครูสุธีธรรมบัณฑิต พูดทิ้งท้ายว่า อยากให้สังคมมองเห็นคุณงามความดีที่อดีตเจ้าอาวาสได้สร้างไว้หลายอย่าง และอยากให้มีการนำเสนอในมุมที่ดีบ้าง นอกเหนือจากประเด็นเรื่องทุจริตเพียงอย่างเดียว
Advertisement