วันที่ 16 ก.ค.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายที่ประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ วานนี้ (15ก.ค.68) ว่า เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งทราบว่ามีการยั่วยุ โดยพยายามสั่งให้เจ้าหน้าที่ไทยระมัดระวังและอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ต้องคอยระวัง เพราะกัมพูชาจะใช้กลยุทธ์วิธีแบบนี้ในการทำให้เกิดการประทะกัน เกิดความรุนแรง ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในเรื่องระหว่างประเทศได้ ซึ่งกำลังพลของไทยส่วนใหญ่เข้าใจ ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา และไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าเราทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อจะเอาพื้นที่กลับมา
ส่วนจำเป็นจะต้องปิดการท่องเที่ยวปราสาทไปก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พื้นที่เองมีมาตรการในการป้องปรามอยู่แล้ว เปิดบางส่วนปิดบางส่วน ก็ต้องดูเป็นพื้นที่ และเป็นอำนาจในการควบคุมดูแลของแม่ทัพภาคที่ 2
เมื่อถามว่า กังวลจะมีเหตุซ้ำรอยหรือไม่ เพราะกัมพูชายั่วยุมา ส่วนฝ่ายไทยก็มีอดีตทหารพราน เคยใช้ความรุนแรงกับทหารกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องพยายามอย่าปลุกความเกลียดชัง สิ่งที่เราห่วงใยคือการปะทะแล้วจะเลยเถิดไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยที่อยู่แนวชายแดน และทหารหาญ เพราะถ้ากระทบขึ้นมาก็ไม่ดี
“รัฐบาลไม่พอใจกัมพูชาอย่างมากอยู่แล้ว และในแง่การดำเนินการทางการทูต รัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้ดำเนินการแต่ละขั้นตอน มีการพิจารณาเรียกทูตกลับอะไรต่างๆอยู่แล้ว ก็เป็นมาตรการที่รุนแรงที่สุดในทางการทูต เพราะฉะนั้นตรงนี้อย่าตกอยู่ในเกมของเขา และอย่าไปฟังเชื่อถือสมเด็จฮุนเซนมาก เพราะไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่ในต่างประเทศก็ไม่มีเครดิต ในการประชุมนานาชาติในช่วงที่ผ่านมาได้รับรายงานจากกระทรวงต่างประเทศว่า ไม่มีการหยิบยกเรื่องกัมพูชาขึ้นมา เพราะฉะนั้นต่างประเทศไม่ได้สนใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มภาคีต่างๆก็ไม่มีเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในวาระ แสดงว่าเขาไม่ได้เชื่อถือ”
นายภูมิธรรม กล่าวย้ำอีกว่า อะไรก็ตามที่สมเด็จฮุนเซนได้พูดมา จริงๆก็ไม่ใช่ผู้นำกัมพูชา ในทางการไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะฉะนั้นสมเด็จฮุนเซน เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่ง ที่มีตำแหน่งประธานวุฒิสภา แล้วก็ไม่ได้มีอำนาจในการเจรจาพูดคุย เรื่องนี้ผมคิดว่าท่านแสดงตัว แต่นั่นเป็นเรื่องในประเทศเขา เขาก็ต้องไปจัดการ ว่าตกลงใครกันแน่เป็นผู้นำสูงสุด เพราะฉะนั้นเราพูดคุยเรายึดหลักกฏหมายระหว่างประเทศ คุยเฉพาะนายฮุนมาเนต ส่วนนายฮุนเซนถือว่าเป็นคนรอบข้างที่มีอิทธิพลจริง อยากจะแก้ปัญหา แต่ถึงเวลาแล้วก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถสรุปอะไรได้ เว้นแต่ไปใช้อิทธิพลในการคุยกับนายกฯ ของประเทศเขา
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ประชาชนมีความอดทนอดกลั้น เราพยายามจัดการปัญหานี้ให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ และเราคำนึงว่าอธิปไตยของประเทศไม่อาจยอมได้ ซึ่งเราไม่อาจยอมได้ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของใคร อย่างไร ในการพูดคุยหรือเอาประโยชน์โดยเฉพาะรัฐบาลไทยชุดนี้จะไม่เปิดโอกาสให้ทำอย่างนั้นได้ และจะจัดการอย่างเต็มที่ ถ้าหากมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น”
Advertisement